1) หลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแจ้ง

การจอดรถในที่มีแดดแรงๆ อาจทำให้อุณหภูมิภายในรถเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เราควรเลือกที่จอดรถในที่ที่มีร่มเงา เช่น ใต้ต้นไม้ เงาตึก หากจำเป็นต้องจอดรถกลางแจ้ง ควรหาผ้าใบหรืออุปกรณ์อื่นๆ มาคลุมรถไว้ เพื่อช่วยลดความร้อนที่จะเข้าของรถ และ ความร้อนจากแดดยังอาจทำให้สีรถซีดจางได้ เนื่องจากความร้อนจะทำให้สีรถยนต์เสื่อมสภาพ

2) ติดฟิล์มกรองแสง

การติดฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพ สามารถป้องกันรังสี UV ที่ส่งผลกระทบต่อสีรถ ทำให้รถดูไม่เก่าโทรม และป้องกันภายในรถจากรังสีแสงอาทิตย์ที่ทำลายเบาะ รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ภายในห้องโดยสาร โดยฟิล์มกรองแสงที่ดีควรมีค่าการลดความร้อน (VLT) ต่ำ อย่างเช่น 40% หรือน้อยกว่า ช่วยให้ความร้อนผ่านเข้ามาในรถได้น้อยลง ส่งผลให้ภายในตัวรถเย็นสบายขึ้น และฟิล์มกรองแสงยังช่วยป้องกันรังสียูวีไม่ให้เข้าสู่ภายในรถ ไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนสูง

3) ตรวจสอบยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ

เจ้าของรถควรตรวจสอบรถยนต์ เติมลมยางรถให้ถูกต้องสม่ำเสมอ เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ลมในยางรถหดลง ลมยางอ่อนตัวลง ส่งผลให้ยางรถยนต์บวม แตก และทำให้ยางมีโอกาสสึกหรอได้ในที่สุด นอกจากนี้ยางรถยนต์ที่มีแรงดันลมยางอ่อน อาจทำให้รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ ดังนั้นควรตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ หากแรงดันลมยางอ่อนควรเติมลมยางให้เหมาะสมกับคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์

4) เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและระบบหล่อเย็น

น้ำมันเครื่อง ระบบหล่อเย็น จะช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ แต่หากเครื่องยนต์ร้อนสูงมากเกินไป น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ ระบบหล่อเย็นทำงานผิดปกติ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เครื่องยนต์ร้อนสูง ดังนั้นเจ้าของรถควร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และ ระบบหล่อเย็นตามระยะเวลาที่แนะนำในคู่มือรถ

5) รถร้อน อย่าเพิ่งเร่งแอร์

การเร่งแอร์ทันทีที่สตาร์ทรถ อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักสูงสุด 30% เพื่อทำความเย็นให้กับห้องโดยสาร ส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนสูงได้ หรือทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักเกินไป จนคอมเพรสเซอร์แอร์เสียหายได้ ดังนั้นคุณควรเปิดกระจกรถทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้อากาศร้อนภายในรถระบายออกไปก่อน หลังจากนั้นค่อยเปิดแอร์รถ

การทำประกันรถยนต์ ถือเป็นวิธีคุ้มครองรถยนต์ที่ดีที่สุดไม่แพ้กัน อย่างเช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองได้ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งรถสูญหายจากการโจรกรรม รถน้ำท่วม รถไฟไหม้ สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ชั้น 1 ออนไลน์ มีโปรโมชันดีๆ ส่วนลดพิเศษ รู้ราคาทันที เปรียบเทียบแผนเองได้ ที่ bolttech.co.th เท่านั้น! มาเป็นครอบครัวกับเราเลยครับ

The post 5 วิธีดูแลรักษารถยนต์ในช่วงหน้าร้อน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ชั้นผ้าใบ 4PR 6PR 8PR หรือเพื่อนๆอาจจะพูดว่าชั้นผ้าใบ 4 ชั้น 6 ชั้น 8 ชั้น ซึ่งชั้นผ้าใบเวลาผู้ผลิตนั้นจะทำการทดสอบโดยการใช้เหล็กแท่งกดบริเวณหน้ายาง ซึ่งการคำนวนแต่ละกี่ชั้นผ้าใบนั้นจะมีผลมาจากหน้ายางนั้นสามารถทนแรงกดได้กี่แรงนิวตัน ซึ่งการทดสอบนี้จะเป็นการทดสอบดูว่าโครงยางนั้นมีความแข็งแรงมากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้งานอยู่ ว่ายางนั้นสามารถรับแรงกระแทกเมื่อใช้งานได้มากน้องเท่าใด โดยเมื่อมาเปรียบเทียบกับการใช้งานจริงก็จะเป็นเมื่อตอนถูกกระแทกหรือตกหลุมยางจะมีโอกาสเสี่ยงต่อความคงทนมากน้องเพียงไหน โดยอิงจากชั้นผ้าใบยิ่งเยอะก็แปลว่ายิ่งแข็งแรงมากกว่า

ซึ่งสำหรับเพื่อนๆที่ใช้รถเพื่อการบรรทุกของนั้นไทร์บิดเชื่อว่าอย่างแรกเลยทุกท่านๆต้องเติมลมเยอะๆไว้ก่อนซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับหากยิ่งเพื่อนๆเติมลมมากเท่าไหร่ ลมจะช่วยส่งเสริมให้ยางสามารถรับน้ำหนักได้ดีขึ้น โดยเมื่อเพื่อนๆเลือกเลือกยางที่มีชั้นผ้าใบเยอะเป็นสิ่งที่ถูกโดยจะช่วยในการลดโอกาสเสี่ยงจากการระเบิดเสียหายจากแรงกระแทกได้ดีขึ้นแต่ว่าต้องบอกว่ายางก็เหมือนลูกโป่งครับ ยิ่งเราเติมให้เปร่งมากเท่าไหร่เวลายางโดนกระแทกก็ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงที่ยางจะแตกได้มากขึ้นเท่านั้นเพราะนั้นการที่เราเติมลมให้อยู่ในค่าที่ยางรับได้สูงสุดตามที่ผู้ผลิตเขียนไว้จะเป็นการปลอดภัยต่อการใช้งานที่ดีที่สุด แต่ถ้าบรรทุก overload เกินไปก็ต้องบอกว่ามีโอกาสเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆกับการใช้งานอาจเกิดเหตุระเบิดเมื่อไหร่ก็เป็นไปได้ครับพี่ 

แล้วเราจะมาดูยังไงว่ายางที่เราเลือกใช้ควรดูที่ไหนถ้าไม่ใช่ดูที่ชั้นผ้าใบ แน่นอนครับยางทุกเส้นจะมีดัชนีการรับน้ำหนักถ้ายิ่งมีดัชนีที่สูงมากขึ้นก็จะแปลว่ายางนั้นจะสามารถรับน้ำหนักได้สูงขึ้นครับ โดยย้ำนะครับว่าดัชนีรับน้ำหนัก ซึ่งต้องเอาไปเปรียบเทียบกับตารางอีกทีว่าดัชนีที่อยู่บนแก้มยางเทียบเท่ากับการรับน้ำหนักเท่าไหร่ เพื่อนๆหาเช็กและดูได้ครับว่ายางรุ่นไหนไซส์ไหนเหมาะสมกับการใช้งานของรถเราได้ดีที่สุดครับ

เพราะฉะนั้นเพื่อนๆจะเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า ถ้าเพื่อนๆอยากได้ยางที่แข็งแรงทนทานต่อการกระแทกและลดปัญหายางระเบิดเสียหายต้องเลือกยางที่มีชั้นผ้าใบเยอะๆโดยเฉพาะเพื่อนๆที่ขับรถบรรทุกสินค้า ก็ต้องเลือกยางที่เหมาะสำหรับการบรรทุกจริงๆ มีชั้นผ้าใบเยอะ และมีค่าดัชนีรับน้ำหนักให้เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อให้ยางของเพื่อนๆนั้นทนต่อการใช้งานได้ โดยจากการคำนวณต้องคำนวณรถรวมคอกและน้ำหนักบรรทุกของ ส่วนสำหรับเพื่อนๆที่ใช้งานกระบะแบบออฟโรดก็เน้นว่ารถหลังจากตกแต่งช่วงล่างมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเท่าใด และมาเทียกับดัชนีรับน้ำหนัก ส่วนชั้นผ้าใบก็อาจจะดูว่าเราลุยขนาดไหนเพื่อให้ยางคงทนพอ แต่ถ้าส่วนเพื่อนๆที่เป็นรถเก๋งรถและอเนกประสงค์ยางไซส์ที่ติดรถส่วนมากจะมีความสามารถในการรองรับไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักในการบรรทุกและการใช้งานปกติได้แน่นอนครับ 

ไทร์บิดอยากจะลองยกตัวอย่างสำหรับรถกระบะบรรทุกของให้นิดนึงครับ เช่นรถกระบะโดยปกติจะมีน้ำหนักรถเปล่าอยู่ประมาณ 1.5 ตัน และ น้ำหนักตู้ อยู่ประมาณ 1 ตัน ซึ่งจะเทียบเท่ากับรถรวมตู้จะอยู่ที่ 2.5 ตันครับ สมมติเราเลือกใช้ยางไซส์ 215/70R15 นั้นจะมีดัชนีรับน้ำหนักอยู่ที่ 106 ซึ่งเทียบเท่ากับรับน้ำหนักได้ที่ 950 กิโลกรัม ซึ่งเรานำมาคูณ 4 จะเทียบเท่ายางสามารถรับน้ำหนักได้อยุ่ที่ 3.8 ตัน แปลว่า การที่เราบรรทุกของ ก็ไม่ควรที่จะเกิน 1.3 ตัน ก็จะเป็นการใช้งานที่พอดีกับตัวยางที่สามารถรับน้ำหนักได้ดี และ มีอัตราการรับแรงกระแทกได้ดีครับ

หากเพื่อนๆสงสัยหรือไม่แน่ใจว่ายางที่เราเลือกนั้นเหมาะสมกับการใช้งานของเราไหม สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญยางรถยนต์ทางไทร์บิดได้ที่ Line official : @tiresbid หรืออ่านบทความรู้ยางรถยนต์ และลองเข้าไปเช็กสเปกยางได้ที่ www.tiresbid.com ทางเรามียางครบทุกกลุ่มการใช้งาน หลากหลายยี่ห้อให้ทางเพื่อนๆได้เลือกใช้ครับผม 

The post ยางแบบไหนที่ทนทาน และ เหมาะสมกับการใช้งานของรถเรา appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ความกว้างของหน้าแม็ก

แม็กซ์นั้นเวลาเพื่อนๆต้องการหาแม็กซ์เราก็อาจจะหาคำว่าแม็กซ์ กี่นิ้ว เช่น  15” , 17” , 18” แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือความกว้างของหน้าแม็กซ์นั้นต้องสัมพันธ์กับหน้ายางครับ เพราะว่าถ้าไม่สัมพันธ์กันจะทำให้มีอาการดึงยางเกิดขึ้นและจะทำให้ยางใช้งานได้ไม่ได้เต็มสมรรถนะ แถมยังส่งผลให้ยางจะมีอาการสึกผิดปกติอีกด้วยครับเช่น ยาง 195/55R15 นั่น จะใช้กับแม็กซ์หน้ากว้างตั้งแต่ 5.5 – 7 นิ้วครับซึ่งจะทำให้ยางใช้งานได้เต็มสมรรรถนะได้ดีที่สุดครับ

เพราะฉะนั้นการการเลือกซื้อแม็กซ์นั้นก็ต้องคำนึงถึงหน้ากว้างของแม็กซ์ด้วยนะครับเพื่อนๆ

ค่าออฟเซท

ส่วนต่อมาที่ต้องคำนึงถึงก็คือค่าออฟเซตครับ ค่าออฟเซตจะเป็นค่าของหน้าแปลนนั้นอยู่บริเวณกึ่งกลางของล้อแม็กซ์หรือไม่ ซึ่งค่าออฟเซตนั้นในแม็กซ์บางรุ่นอาจจะมีค่าบวกเพิ่มมากขึ้น อาจจะส่งผลให้หน้าแปลนที่ติดกับดุมล้อนั่นไม่อยู่ในตำแหน่งเดิมอาจจะส่งผลทำให้แม็กซ์นั้นไปขูดกับซุ้มล้อด้านใน หรือด้านนอกได้ครับ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแม็กซ์นั้นเราต้องคำนึงถึงในส่วนนี้ด้วยครับ เพื่อป้องกันปัญหาการติดซุ้มล้อด้านในและด้านนอกครับ

รูน็อตแม็ก

ส่วนต่อมาก็คือเรื่องของรูน็อต แม็กซ์ ในแต่ละวงจะมีรูน็อตที่มีช่องไฟที่แตกต่างกันถึงแม้ว่าจะมีสแตนดาร์ดอยู่แล้วก็ตามนะครับ แต่อย่างน้อยๆก็ควรเช็คไว้ครับเพราะรถบางยี่ห้อมี 6 รูน็อต บางยี่ห้อมี 5 รูน็อต แถมบางยี่ห้อมีรูน็อตที่มีช่องไฟไม่ตรงกับยี่ห้ออื่นๆโดยเฉพาะรถยุโรปบางยี่ห้อ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆก่อนที่จะเลือกซื้อแม็กซ์ใหม่นั้นต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยครับ

เพราะฉะนั้นจะมี 3 ข้อหลักๆที่อยากให้เพื่อนๆคำนึงถึงนอกจากขนาดของแม็กซ์กี่นิ้วแล้ว ก็ต้องมีเรื่องของหน้ากว้างของแม็กซ์ต้องสัมพันธ์กับไซส์ยาง ค่าออฟเซตต้องให้พอดีไม่ให้ใส่ประกอบแล้วติดซุ้ม และรูน็อตของแม็กซ์วงใหม่ต้องเท่ากับรูน็อตเดิมของรถ ถ้ามี 4 อย่างครบทุกอย่างนั้นก็ถือว่าครบองค์ประกอบในการเลือกซื้อแม็กซ์ใหม่ครับ แต่ถ้าเพื่อนๆอยากหายางไซส์ไหนที่ตรงกับแม็กซ์ของตัวเองสามารถติดต่อสอบถามทางไทร์บิดได้ที่ Line Official : @tiresbid หรืออ่านบทความรู้ยางรถยนต์มีมากมาย หากซื้อเช็กยางรุ่นต่างๆได้ที่ www.tiresbid.com เลยครับ ที่ไทร์บิดเราเป็นผู้เชี่ยวชาญยางรถยนต์ พร้อมให้คำแนะนำกับเพื่อนๆทุกท่านครับ

The post 4 สิ่งที่ควรรู้เรื่องก่อนซื้อแม็กซ์ใหม่ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ยางอายุ 1 ปี แทบไม่มีผล

กรณีเราซื้อยางเดือนมีนาคม แล้วยางที่เรากำลังจะซื้อนั้น เป็นยางผลิตสัปดาห์ที่ 40 ของปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นยางที่เพื่อนๆได้มานั่นเพิ่งผลิตมาแค่ 5 เดือน ซึ่งไม่เกินปีเลยครับ แต่แค่ปีผลิตเป็นของปีที่แล้วครับ และกรณีที่การรับประกันจากการผลิตที่ทางแจ้งไว้จะรับประกันนับจากวันติดตั้งก็แปลว่ายางที่รับประกันจากเดือนมีนาคม บวกไปอีก 5 ปี สมมติเพื่อนๆใช้รถปีละ 20,000 กิโลเมตร เท่ากับเพื่อนๆสามารถใช้งานยังไงก็ไม่ถึงห้าปีแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าเราจะซื้อยางปีเก่า แต่เก่าแค่ไม่กี่เดือนเพื่อนๆสบายใจแน่นอนครับ

สภาพแวดล้อม ส่งผลต่อเนื้อยาง

เรามาดูตามความจริงกันว่าจริงๆแล้วโครงสร้างยางแต่ละส่วนนั้น ปีผลิตมีผลต่อการใช้งานจริงๆไหมครับ ข้อแรกเลยก็คือเรื่องของเนื้อยางกรณีที่เป็นยางปีเก่าเพื่อนๆอาจกลัวว่ายางนั้นอาจจะมีปัญหาใช่ไหมครับ แต่ถ้าร้านที่เพื่อนๆซื้อนั้นมีคลังเก็บสต็อกในที่ร่ม เพื่อนๆหายห่วงได้เลยครับว่าเนื้อยางที่อยู่ในโกดังนั้นมีสภาพใช้งาน 100% แน่นอนครับ ส่วนต่อมาคือเรื่องของโครงยางเมื่อยางเก่าเก็บ 1 ปี ไทร์บิดกล้ารับประกันเลยครับว่าโครงยางนั้นไม่มีการคลายตัวหรือคลายความแข็งแรงแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ ว่ายางปีเก่าที่ซื้อจะมีปัญหาความแข็งแรงในการใช้งานครับ

ยางปีเก่า ราคาถูกลง

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งในปัจจุบันเลยก็คือ ยางปีเก่าราคาจะถูกลง 10-20% จากราคาปกติเพราะฉะนั้นเพื่อนๆที่อยากใช้งบอย่างประหยัดกับค่ายางแต่ได้ยางที่มีคุณภาพดีลองหาร้านที่รู้จักใกล้บ้านท่าน หรือ ลองมาสอบถามกับทางไทร์บิดได้ครับว่ามีไซส์นี้รุ่นนี้ยางปีเก่าไหมเพื่อเพื่อนๆจะได้ของดีกันครับ

หากเพื่อนๆต้องการคำปรึกษาเรื่องยางสามารถสอบถามทางไทร์บิดได้ผ่าน Line official : @tiresbid หรือเข้าเช็กราคายางได้ที่ www.tiresbid.com ได้ครับ สนใจจะอ่านบทความรู้ยางรถยนต์ก็มีให้อ่านฟรีๆ แถมทางเรายินดีให้บริการเพื่อนๆทุกท่านอย่างเต็มที่แน่นอนครับ

The post ยางปีเก่า แต่เก๋าอยู่ ใช้งานเหมือนยางใหม่เอี่ยม appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1.ขอบยาง

อย่างแรกที่ อยากจะพูดถึงก็คือบริเวณขอบยาง ยางทุกเส้นจะมีขอบยางที่ทำจากเส้นลวด ส่วนนี้จะช่วยทำให้ยางนั้นสามารถเกาะติดกับกระทะล้อให้อยู่แน่น และเป็นตัวช่วยที่ทำให้ยางนั้นมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ดีครับยิ่งแข็งแรงมากยิ่งรับน้ำหนักได้มากครับ

2.แก้มยาง

ส่วนที่สอง คือ แก้มยางมีจะเป็นบริเวณที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดและมีความบ่อบบางมากที่สุดครับ เพราะฉะนั้นหากมีการบาด ตะปูทิ่ม หรือ มีอาการบวมบริเวณแก้มควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัย ซึ่งแก้มยางนั้นมีหน้าที่คอยช่วยพยุงน้ำหนักและช่วยซัพแรงกระแทกของรถครับ หากเพื่อนๆอาจใช้ส่วนนี้ในการเพิ่มซีรียแก้มยางเพื่อให้รถของเพื่อนๆมีความนุ่มขึ้นแต่ ยิ่งแก้มยางสูงยิ่งโยนตัวเยอะนะครับ เวลาเข้าโค้งอาจจะไม่ได้ฟิลลิ่งเดิมครับ

3.เข็มขัดรัดหน้ายาง

ส่วนที่สาม คือ เข็มขัดรัดหน้ายางจะทำมาจากหลายส่วนประกอบไม่ว่าจะเป็นเส้นลวด หรือโพลเอสเตอร์ครับ เข็มขัดรัดหน้ายางจะเป็นส่วนที่เพื่อนๆอาจจะมองไม่เห็นครับ แต่ว่าส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมากครับ เพราะเป็นส่วนที่ช่วยทำให้หน้ายางขึงตึงกับพื้นถนนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้ยางเกาะถนนได้ดีครับ ยิ่งเข็มขัดรัดหน้ายางยิ่งมีคุณภาพความแข็งแรงมากๆยิ่งทำให้เกาะถนนดี และ ทำให้ยางสามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเร็วขึ้น และ หน้าที่สำคัญอีกอย่างของเข็มขัดรัดหน้ายางก็คือช่วยทำให้หน้ายางแข็งแรงขึ้นลดอัตราการเจาะทะลุของตะปูตำได้ดีขึ้น แต่ไม่ได้บอกว่ายิ่งแข็งแรงตะปูจะไม่เจาะเข้านะครับ แต่ก็เป็นหน้าที่สำคัญๆสองข้อของเข็มขัดรัดหน้ายางครับ

4. ลายดอกยาง

ส่วนที่สี่ คือ ลายดอกยาง จะมีหน้าที่หลักๆอยู่หลายข้อแต่ที่สำคัญที่สุดก็คือการรีดน้ำครับ ลายดอกยางจะช่วยในการระบายน้ำออกจากหน้ายางหากยิ่งเป็นลายดอกยางที่แบบทิศทางเดียวจะยิ่งช่วยทำให้ระบายน้ำได้ดีขึ้นครับ ส่วนต่อมาคือเรื่องเสียงครับ ลายดอกยางจะเป็นตัวที่ทำให้เสียงที่ออกจากยางนั้น มีเสียงเงียบลดโดยการทำหน้าที่ของลายดอกยางก็จะช่วยให้เสียงหลายๆเสียงกลบกันจะทำให้มีเสียง เดซิเบลที่ต่ำครับ และหน้าที่สุดท้ายของลายดอกยางแต่ละประเภทจะช่วยทำให้การใช้งานแต่ละฟังก์ชันนั้นใช้งานได้ดีครับ อาทิ กรณีใช้งานลุยๆก็จะเป็นลายดอกยางก้อนๆเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการตะกรุยถนนได้ดีครับ หรือว่าจะเป็นดอกยางแบบไม่สมมาตรจะช่วยทำให้การเกาะถนนเวลาเข้าโค้งทำได้ดีขึ้นครับ

5. ชั้นในของยาง

 ส่วนสุดท้าย ก็คือส่วนชั้นในของยางครับเป็นส่วนที่อยู่ภายในท้องยาง หน้าที่ของยางส่วนนี้ก็จะทำหน้าที่ช่วยกักเก็บลมยางไม่ให้มีการซึมออกได้ครับ เพราะฉะนั้นชั้นนี้จะเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ยางนั้นกักเก็บลมได้ครับ แต่ เวลาเมื่อรั่วเมื่อเข้าร้านปะยาง ทางร้านจะมีการเจียรยางออกในพื้นที่ตรงนั้นเพราะว่าชั้นยางส่วนนี้จะไม่ถูกกับแผ่นปะครับ เพราะจะติดกันไม่สนิท เพราะฉะนั้นต้องมีการเจียรยางส่วนนี้ออกก่อนแล้วถึงทำการปะยางได้ครับ

ก็จะเป็นส่วนสำคัญๆของยางที่ทางไทร์บิดอยากจะอธิบายให้เพื่อนๆฟังว่าแต่ละส่วนของยางมีหน้าที่ทำงานอย่างไรบ้างครับ และถ้าหากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องยางสามารถหาบทความยางหรือเกี่ยวกับความรู้เรื่องยางได้ที่ www.tiresbid.com หรืออยากสอบถามโดยตรงกับทางผู้เชี่ยวชาญสามารถติดต่อได้ที่ Line Official : @tiresbid หรือ โทร 090-986-8762 ได้ครับ ไทร์บิดผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางยินดีให้คำแนะนำเพื่อนๆอย่างเต็มที่ครับ

The post ยางแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไร อยากรู้ ต้องอ่านๆ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

จริงๆแล้วยางมีให้เลือกหลากหลายฟังก์ชั่นการใช้งานครับ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆควรเลือกยางประเภทนุ่ม ซึ่งเป็นยางที่สามารถซึมซับแรงกระแทกได้ดีจะช่วยลดอาการสั่นได้ดีครับโดย จอร์จ จะมาแนะนำเป็นแต่ละประเภทการใช้งานของรถให้เพื่อนๆกันครับพี่

1. รถเก๋ง

โดยรถเก๋ง กลุ่มนี่ จอร์จ แนะนำว่ามีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายรุ่นมาก แต่จอร์จ จะเรียงจากระดับพรีเมี่ยมๆลงไปถึงยางราคาประหยัดที่มีความนุ่มขับสบายครับ โดย แบรนด์ชั้นนำ ก็จะมี Yokohama V552 , Michelin Primacy 4 , Bridgestone T005A , Continental UC6 , Goodyear Triplemax2 , Dunlop LM705 , Apollo Alnac4g , Maxxis MS800 ฯลฯ

2. รถ SUV และ รถกระบะ

ต่อมาก็จะเป็นกลุ่มรถ SUV และรถกระบะครับ ซึ่ง จอร์จ ก็จะแนะนำยางจากพรีเมี่ยม ลง ไปถึงราคาประหยัดครับ โดยเริ่มจาก Michelin Primacy SUV , Yokohama G056 , Bridgestone HL001 , continental UC6 SUV , Goodyear Efficient grip performance SUV , Dunlop PT3 , Apollo apterra HT2 , Maxxis HT770 ฯลฯ

โดยจริงๆ มีแบรนด์อื่นที่จอร์จไม่ได้พูดถึงอีกครับ แต่ขอแนะนำว่าถ้าเพื่อนๆที่ต้องการลดอาการเหนื่อยล้าจากการขับรถระยะทางไกลนั่นยางที่มีความนุ่มลดอาการสั่นในการขับขี่ก็เป็นส่วนช่วยส่วนหนึ่ง ไม่มากก็น้อยที่จะทำให้เพื่อนๆนั่นลดอาการเหนื่อยได้ครับ แต่ก็จะมีส่วนอื่นๆอีกไม่ว่าจะเป็นโช้คอัพที่คอยช่วยซึมซับแรงกระแทก หรือ จะเป็นรถที่เหมาะสมกับการขับขี่ทางไกลเช่นรถที่มีกำลังเครื่องที่ใหญ่ตั้งแต่ 1800 ขึ้นไปก็จะยิ่งช่วยลดการขับแบบเหยียบตลอดเวลา และยังช่วยลดอาการสึกหรอของรถได้อีกด้วย เพราะถ้าเรายิ่งเร่งเครื่องตลอดเวลา ก็อาจจะยิ่งทำให้เครื่องยนต์ หรือ รถ ของเพื่อนๆชำรุดได้เร็วขึ้นครับ

หากเพื่อนๆที่ต้องการสอบถาม หรือ ต้องการคำแนะนำเรื่องยาง ที่ไทร์บิดออนไลน์ของเรามีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำเรื่องยางเพื่อให้ตรงกับประเภทการใช้งานของเพื่อนๆครับเพราะบางครั้งเพื่อนๆอาจจะเลือกยางผิดแล้วไม่ตรงกับฟังก์ชั่นการใช้งานเช่นต้องการยางนุ่มเงียบแต่กลับไปใช้ยางสไตล์สปอร์ตทำให้มีความกระด้างมากกว่าครับ หรือเพื่อนๆจะเข้าอ่านรีวิวยางรุ่นต่างๆผ่านเว็บไซต์ของไทร์บิด www.tiresbid.com ได้ครับผม หรือแอดไลน์เข้ามาสอบถามที่ Line Official : @tiresbid ทางไทร์บิดเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะคอยให้คำแนะนำกับเพื่อนๆครับ โอกาสหน้าติตามบทความใหม่ๆของไทร์บิดอีกครับ ขอบคุณครับ

The post ขับทางไกลสบายๆ ไม่เหนื่อยง่าย ต้องใช้ยางแบบไหน ?? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

• เป็นมอไซค์บิ๊กไบค์ตัวแรง 500 ซีซี ขึ้นไป
• เลือกมาทุกประเภท ทั้งทัวริ่ง ครูซ สปอร์ต
• ราคาเริ่มตั้งแต่ 3 แสน น่าซื้อ

1. Honda Africa Twin

เริ่มกันที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์จากแบรนด์ฮอนด้าที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากสุด ๆ ในงานมอเตอร์โชว์ 2020 อย่าง Africa Twin อาฟริกา ทวิน บิ๊กไบค์แนวทัวริ่งคันงามตัวนี้ก่อนเลยครับ โดยฮอนด้า อาฟริกา ทวิน มาพร้อมดีไซน์แนวมอไซค์แรลลี่ดุดันจัดเต็ม ตัวเฟรมดีไซน์ใหม่น้ำหนักเบาขึ้น ที่ใส่เครื่องยนต์ตัวใหญ่ขนาด 1100 ซีซี แบบ Parallel Twin พร้อมโหมดการขับขี่ 6 แบบ เสริมความมั่นใจด้วยระบบ HSTC ป้องกันรถลื่นไถลขณะขับขี่ พร้อมระบบเบรก ABS เร็วแรงแและมั่นใจ แสดงผลด้วยหน้าจอสัมผัส TFT ขนาด 6.5 นิ้ว ที่โชว์ข้อมูลการขับขี่ มาตรวัดความเร็ว แผนที่ และอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปในสาย Bigbike เลยครับ
ราคา 559,000 บาท

2. Triumph TIGER 900 Rally Pro

อ๊ะๆ ใครทำผ้าเช็ดหน้าตกแถวนี้นะ เพราะบิ๊กไบค์คันที่สองที่แฟรงค์จะพาทุกคนไปดูก็คือ TIGER 900 Rally Pro บิ๊กไบค์จากค่าย Triumph ที่สายแอดเวนเจอร์ไบค์ใจออฟโรดต้องชอบแน่นอน โดยไทรอัมป์รุ่นออลนิวนี้ มาพร้อมแชสซีและเฟรมโมดูลาร์แบบใหม่ ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าเดิม เพิ่มเติมคือเครื่องยนต์ขนาด 888 ซีซี 3 สูบ สูบแถวเรียงแบบ DOHC 12 วาล์ว แถมยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย เช่น โหมดการขับขี่ทั้ง 6 โหมด ช่วยให้นักบิดพิชิตทุกเส้นทาง ได้แก่ Rain, Road, Sport, Rider, Off-Road, และในรุ่น Pro จะมีโหมด Off-Road Pro ควิกชิฟเตอร์ 2 ทาง เพิ่มขึ้นมาด้วย แถมยังปลอดภัยด้วย ระบบเบรก Cornering ABS และแทร็คชั่นคอนโทรลที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์วัดแรงเฉื่อย ช่วยให้การเบรกแต่ละครั้งปลอดภัยแบบเหนียวแน่นหนึบ นอกจากนั้นยังมี หน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่บอกสถานะการขับขี่ เรือนไมล์ ความเร็ว และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบบลูทูธได้ดว้ย แฟนๆ ไทรอัมป์ ไม่ควรพลาด แต่ถ้าใครเป็นแฟนไทรอัมป์คิงดอม ต้องรีบเก็บผ้าเช็ดหน้านะครับ (เกี่ยวกันไหมนิ)
ราคา 659,00 บาท

3. Honda Goldwing

Honda Goldwing คันนี้ ถือเพรชยอดมงกุฏในวงการมอไซค์บิ๊กไบค์เลยครับ เพราะนอกจากความหรูหราหมาเห่าด้านภายนอก ความใหญ่ ความเท่ของตัวรถแล้ว สนนราคาของบิ๊กไบค์คันนี้ยังสูงไปได้ถึง 1,340,000 บาท เรียกได้ว่าถอยเก๋งได้คันนึงเต็มๆ เลย
ที่ราคาสูงแบบนี้ก็มีเหตุผลนะครับ เพราะ Honda Goldwing ตัวนี้คือสุดยอดของมอไซค์บิ๊กไบค์สายครูซซิ่งของฮอนด้าเขาแล้วครับ จัดเต็มตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกที่ปราดเปรียวหรูหรา ขับขี่คลอง โดยในรุ่นใหม่ 2020 นี้ก็มีได้ทำการจูนจุดศูนย์ถ่วงใหม่ ทำให้เบาะขยับมาด้านหน้ามากยิ่งขึ้น ทำให้นั่งสบาย นั่งนานๆ ก็ไม่เมื่อย ส่วนเครื่องยนต์มีขนาด 1,833 ซีซี 4 วาลว์ต่อ 1 ลูกสูบ ขับเคลื่อนด้วยระบบบบเกียร์ Dual-Clutch Transmission (DCT) ความเร็ว 7 สปีด ซึ่งทางฮอนด้าเขาเคลมว่านี่คือระบบเกียร์ที่ดี่ที่สุดของฮอนด้าเขาเลยครับ
นอกจากสมรรถภาพที่สุดยอด ดีไซน์ที่สุดหรู เรื่องของเทคโนโลยี ทางฮอนด้า โกลด์วิงก็ไม่กั๊กครับ จัดมาให้ทั้งหน้าจอ TFT ขนาดเจ็ดนิ้ว เชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่นความบันเทิง พร้อม Navigation Map หรือแผนที่นำทางเวอร์ชั่นล่าสุด จะขึ้นเหนือลงใต้ ขับไปไหนก็บ่หยั่น เรียกได้ว่าแม้จะแพง แต่สิ่งที่ได้รับรองว่าคุ้มค่าครับ
ราคา 1,297,560 บาท

4. Ducati Panigale V4

ถ้าพูดถึงบิ๊กไบค์ จะไม่มีรถจาก Ducati หรือ ดูคาติ ก็คงจะยังไงอยู่นะครับ และรถบิ๊กไบค์ที่แฟรงค์อยากนำเสนอในวันนี้คือ Ducati Panigale V4 บิ๊กไบค์รุ่นเรือธง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1,103 ซีซี ประกอบด้วย Front Frame ด้ เฟรมแบบใหม่ที่ช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความเพรียวลมให้กับตัวรถมากยิ่งขึ้น พร้อมดีไซน์ใหม่แทบยกคัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น ขับขี่มั่นใจไม่เหนื่อย เช่น การเพิ่มปีกคาร์บอนไฟเบอร์ และการปรับแฟริ่งด้านข้าง ซึ่งทางดูคาติ เคลมว่าสามารถเพิ่มแรงกดได้ถึง 30 กก. เมื่อขับในความเร็ว 270 กม./ชั่วโมง หมดปัญหารถส่ายได้เลย
นอกจากการออกแบบภายนอกแล้ว ดูคาติยังยกเครื่องระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในใหม่ ทั้งประมวลผล IMU 6 แกน ที่ทำงานร่วมกับ Ducati Traction Control (DTC) EVO 2 รวมถึง Ducati Quick Shift up/down (DQS) EVO 2 ให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นจากรุ่นก่อนถึงหลายเท่า ใครชอบบิ๊กไบค์สายสปอร์ตไม่ควรพลาด
ราคา 969,000 บาท

5. Kawasaki Versys 650

มาถึงแบรนด์ขวัญใจไบค์เกอร์ไทยแลนด์ กับ คาวาซากิ โดยรถรุ่นที่แฟรงค์นำมาเสนอในวันนี้ ก็คือ Kawasaki Versys 650 บิ๊กไบค์สไตล์ทัวริ่งแอดเวนเจอร์แนวดุดันแต่งบมุ้งมิ้ง ซิ่งได้พร้อมมีเงินเหลือ ภายนอกมาพร้อมดีไซน์แนวสปอร์ตเน้นเหลี่ยมมนเพิ่มความเข้ม มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 650 ซีซี 6 เกียร์ แบบ Return ตอบสนองเร็ว พร้อมความสามารถในการปรับตั้งค่าตามสภาพถนน ไม่ว่าจะเรียบ ขรุขระ หลุม บ่อ เนิน Kawasaki Versys 650 คันนี้ เอาอยู่ทุกสถานการณ์เลยครับ
ราคา 326,000 บาท
และนี่ก็คือ 5 อันดับรถบิ๊กไบค์น่าสนใจที่แฟรงค์นำมาเสนอให้ชาวสองล้อคันใหญ่ได้เก็บไว้เป็นตัวเลือก ถึงแม้มอไซค์บิ๊กไบค์แต่ละคันจะถูกออกแบบมาอย่างดี เพื่อให้ผู้ใช้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจแล้ว แต่เราก็ต้องมีประกันมอไซค์ไว้คุ้มครองยามขับขี่ด้วยนะครับ หรือจะให้มั่นใจสองต่อ ก็ต้องมี ประกันอุบัติเหตุไว้ดูแลค่ารักษาพยาบาลด้วยนะ จะได้ขับขี่ถึงไหนถึงกัน อุ่นใจสองต่อกันไปเลย

The post 5 BigBike น่าสนใจในปี 2020 ราคาดี มีเงินต้องโดน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ความประหยัดน้ำมัน

ความประหยัดน้ำมัน ซึ่งจะแบ่งเป็นเกรดตั้งแต่ A-G ครับ ซึ่งความแตกต่างในการกินน้ำมันจะมีความแตกต่างอยู่ที่ 5% A คือค่าที่ดีที่สุด ส่วน G คือค่าที่แย่ที่สุดครับ โดยการทำการทดลองในสถาการณ์เมื่อเติมน้ำมันเท่ากัน และ ใช้การใช้งานเหมือนๆกันครับ ซึ่งตัววัดนี้จะอ้างอิงจากค่าแรงต้านการหมุนของยางครับ ยิ่งยางรุ่นไหนมีแรงน้อยจะแปลว่ามีอัตราการกินน้ำมันที่น้อยตามไปด้วยครับ แต่ จอร์จอยากจะแนะนำเพื่อนๆว่า โดยหลักการแล้วถ้ายางที่มีแรงต้านทานการหมุนที่น้อยอาจส่งผลต่อเรื่องการยึดเกาะถนนครับอาจจะเกาะถนนได้ไม่ดีเท่าไหร่ครับ เพราะฉะนั่น จอร์จเชื่อว่าในหัวข้อนี้ไม่มีแบรนด์ไหนที่ได้ถึงเกรด A แน่นอนครับ เพื่อนๆที่ใช้งานทั่วไปและต้องการความประหยัดน้ำมันอาจมองหายางที่ใช้ในยางกลุ่ม C ลงมาก็ถือว่าเหมาะสมแล้วครับ

ระยะเบรกบนถนนเปียก

ระยะเบรกบนถนนเปียก จะแบ่งเป็นเกรดตั้งแต่ A-F ครับ ซึ่งความห่างในระยะเบรกจะอยุ่ที่ 17 เมตรครับ A คือค่าที่ดีที่สุดครับ โดยการทดลองจะเหยียบเบรก ขณะถนนเปียก แล้วดูว่าระยะเบรกใช้ ระยะทางกี่เมตรที่ทำให้รถหยุดจอดสนิทครับ ซึ่งโดยเกรดตัดตัวนี้ถ้าเป็นยางสปอร์ต หรือ ยางเกรดพรีเมี่ยม ก็มีเกรดสุงสุดที่ A เหมือนกันครับซึ่งถ้าเพื่อนๆเลือกใช้ยางที่มีตัวบอกเกรดแบบนี้เพื่อนๆมั่นใจได้เลยว่ายางรุ่นที่เลือก การรีดน้ำและการเบรกบนถนนเปียกมั่นใจได้ครับ

ความดังของยาง

ความดังของยาง โดยจะแสดงสัญลักษณ์เป็นขีด 3 ขีดครับ คือ ถ้ายิ่งดังมาก ก็จะมี 3 ขีดครับ โดยจะแบ่งเป็นเกณฑ์ดังนี้ครับ ถ้ามีขีดเดียวคือ อยู่ต่ำกว่ามาตรฐานกลางที่กำหนด 2 ขีดอยู่ในมาตรฐานกลางที่กำหนด ส่วน 3 ขีดคือ มากกว่ามาตรฐานกลางที่กำหนดแต่ไม่เลยเสียงดังที่สูงสุดครับ ซึ่งหากเพื่อนๆต้องการหายางที่เงียบๆก็หายางที่มีขีดเดียวครับ แต่จาก ที่จอร์จ เช็คมาในตลาดบ้านเราแทบทุกรุ่นจะอยู่ในระดับ 2 ขีดซึ่งจอร์จ ก็ใช้ยางที่มี 2 ขีดอยู่ก็ถือว่าเงียบแล้วครับ ต้องบอกว่ามาตรฐานเรื่องเสียงค่อนข้างสูงครับ ทำให้ยางน้อยยี่ห้อที่จะอยุ่ในระดับขีดเดียวครับ

แบ่งประเภท

ส่วนต่อมาคือการแบ่งประเภทครับ จริงๆ มีอยู่ 4 ประเภทครับ แต่ว่าถ้ารถเก๋ง รถกระบะ รถSUV ถือว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกันทั้งหมดครับคือกลุ่ม Class C1 ครับ จริงๆตัวแบ่งกลุ่มส่วนมากจะแบ่งตามไซส์ยางครับเพราะฉะนั้นเพื่อนๆอาจจะไม่ต้องเช็กมากครับเรื่องนี้

ก็จะเป็นสติกเกอร์ที่ช่วยให้เพื่อนๆทราบถึงยางที่จะเลือกใช้ว่ายางรุ่นนั่นมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างครับ  แต่ถ้าเพื่อนๆที่ซื้อยางแล้วไม่เจอสติกเกอร์นี้ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะครับเพราะถ้าเป็นยางช่วงปี 2019 ก็อาจยังไม่มีครับ แต่ว่าเดี่ยวนี้ประเทศเราพัฒนาในเรื่องมาตรฐานมากขึ้นมาก ๆ ครับสำหรับยางรถยนต์ที่จะมาวางจำหน่ายในประเทศ เพราะยางทุกรุ่นที่สามารถขายได้ในปัจจุบันต้องผ่าน มอก. ทุกรุ่นครับ ยางจีนสมัยก่อนที่นำเข้ามาเองจะมาขายก็ขายไม่ได้แล้วครับ ยังมีสติกเกอร์นี้เพิ่มขึ้นมาเพื่อนๆยิ่งหายห่วงได้เลยครับ ถ้าเพื่อนๆไม่รู้จะเลือกซื้อยางยี่ห้อไหน รุ่นไหน ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเพื่อนๆ ทางจอร์จ และทีมงานไทร์บิด พร้อมยินดีให้คำแนะนำครับ
สามารถอ่านบทความรู้เรื่องยางรถยนต์ได้ที่ www.tiresbid.com/blog หรือสอบถามทาง Line : @tiresbid หรือจะโทรตรงหาทีมงานได้ที่ 090-958-7416 / 090-986-8762  ได้ครับเพราะเรามีทีมงานที่มีให้ความรู้ในเฉพาะเรื่องยาง อย่างมืออาชีพครับ ขอให้เพื่อนๆติดตามบทความรู้ และไว้ใจทีมงานทางไทร์บิดได้ครับ ขอบคุณมากครับ

The post สติกเกอร์แปะข้างยางใหม่ที่ควรรู้ มือใหม่ มือเก๋าต้องอ่าน! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

โครงยาง

ส่วนแรกก็คือโครงยางครับ เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการกักเก็บลมและรับน้ำหนักของการบรรทุก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ครับ ถ้าโครงยางผลิตได้ไม่ดีอาจส่งผลให้ยางแตกเสียหายและยางบวมได้ง่ายครับ โดยโครงยางหลักจะประกอบด้วย เนื้อยาง เส้นลวด ไนล้อน และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ครับ ความแตกต่างของโครงยางราคาแพงกับถูกนั้น อย่างแรกเลยก็คือเรื่อง วัตถุดิบ ครับ เส้นลวดเส้นใหญ่และมีปริมาณมากก็จะยิ่งทำให้โครงยางแข็งแรงครับ ส่วนต่อมาก็คือนวัตกรรมครับโครงยางจะมีการถักเส้นลวดในลักษณ์ที่แตกต่างกันครับ ซึ่งแบรนด์ชั้นนำจะทดลองและใช้หลักการทางวิศวะมาทำการเพื่อให้เส้นลวดมีความแข็งแรง แถมยังมีการให้ตัวได้ดีซึ่งจะส่งผลดีทั้งเรื่องความนุ่มอีกด้วยครับ ซึ่งแตกต่างจากยางราคาถูกที่มีเทคโนโลยีน้อยทำให้ความแข็งแรงและความนุ่มนั้นน้อยกว่าครับ

เนื้อยาง

ส่วนต่อมาก็คือเรื่องของเนื้อยาง ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทางผู้บริโภคไม่สามารถแยกแยะได้เลยครับ เพราะเราก็จะเข้าใจว่าเนื้อยางคงเหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วมีความแตกต่างกันมากจากส่วนผสมทางเคมีครับ เพราะ จริงๆแล้วในยางหนึ่งเส้นนั้นมีส่วนผสมของยางพาราเพียง 25-30% เท่านั้น ส่วนส่วนผสมอื่นๆจะเป็นสารเคมีครับ ซึ่งด้วยปกติแล้วยางพารานั้นจะมีความยืดหยุ่นสูงแต่ไม่ทนต่อความร้อนและการสึกของถนนจึงต้องทำให้มีส่วนผสมเข้าไปเติมเต็มในส่วนนี้เพื่อให้สึกช้า และมีการยึดเกาะถนนที่ดีซึ่ งจริงๆแล้วการที่ยางแข็งมากสึกช้านั้นก็จะทำให้การยึดเกาะถนนต่ำครับ เพราะฉะนั้นยางราคาแพงนั้นจะมีการนำเทคโนโลยีมาคำนวนว่าควรใช้ส่วนผสมเท่าไหร่จึงจะทำให้เนื้อยางนั้นมีทั้งความยืดหยุ่นเพื่อยึดเกาะถนนที่ดี แถมยังมีการสึกที่ช้าอีกด้วยเพื่อให้ยางนั้นมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดครับ

ลายยาง

ส่วนสุดท้ายคือเรื่องของลายยาง ลายดอกยางจะมีหน้าที่สองอย่างหลักๆก็คือช่วยให้ยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น และช่วยทำให้เสียงของยางลดลงครับ โดยเทคโนโลยีการผลิต และ การทดลองก่อนที่จะนำมาผลิตยางในแต่ละรุ่นนั้นจำเป็นต้องถูกออกแบบจำเพาะของยางในแต่ละรุ่นครับ โดยยางกลุ่มที่เน้นนุ่มเงียบนั้นจะมีการออกลายดอกยางแบบนุ่มเงียบโดยลายดอกยางที่ออกมานั้นจะมีหน้าที่ในการสร้างเสียงออกมาหลายรูปแบบแล้วให้เสียงผสมกันจนได้เสียงที่เงียบที่สุดครับ ส่วนอีกหน้าที่หนึ่งก็คือไว้สำหรับช่วยในการยึดเกาะถนนซึ่งยางแต่ละลายดอกยางจะช่วยในการระบายน้ำออกจากหน้ายางได้ดีขึ้นด้วยครับ ซึ่งจะช่วยยางสามารถจับการพื้นถนนได้ดีขึ้นเวลาขับผ่านถนนเปียกครับ

สรุปความแตกต่างของยางแพงและยางถูกหลักๆก็จะเป็นในส่วนของเรื่อง วัตถุดิบ นวัตกรรม การทดสอบยางเพื่อให้ได้ยางที่มีคุณภาพ และ สมรรถนะที่ดีเยี่ยมครับ แต่ถ้าเพื่อนๆไม่รู้ว่าแบรนด์ไหนนั้นจัดอยู่ในเกรดอะไรสามารถเข้ามาที่เว็บไซต์ www.tiresbid.com ของทางเราได้ครับเพราะเราคัดเลือกยางเฉพาะยางที่มีคุณภาพเท่านั้นในการจัดจำหน่ายแก่เพื่อนๆทุกท่าน หรือสามารถสอบถามข้อมูลผ่านทาง Line@ : @tiresbid ได้ครับทางเรามีทีมงานเทคนิคที่คอยตอบเรื่องยางต่างๆให้กับเพื่อนๆครับ

The post ยางถูก กับ ยางแพง แตกต่างกันขนาดไหน ?? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ลมยาง

อย่างแรกเลยครับก็คือเรื่องของลมยางทาง ไทร์บิดเชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆท่านใช้รถในการเดินทางในชีวิตประจำวันแต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาเช็คลมยางเท่าไหร่ใช่ไหมครับ จริงๆแล้วก่อนเดินทางไกลเรื่องลมยางเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดครับ เพราะเมื่อมีการเดินทางระยะไกลจะต้องมีการแบบสัมภาระไว้หลังรถอีก หากเรายังใช้ลมยางเท่าเดิมอาจจะทำให้ยางนั้นไม่สามารถรับน้ำหนักได้ครับ
เพราะฉะนั้นการที่เราเช็คลมยางก่อนที่จะออกเดินทางไกล ไทร์บิดแนะนำว่าเพื่อนๆสามารถดูสติกเกอร์ที่ข้างประตูคนขับได้เลยครับเพราะจะมีสติกเกอร์บอกชัดเจนว่าควรเติมลมเท่าไหร่ แต่ให้เพื่อนๆสังเกตุนะครับว่าต้องเป็นช่องที่บอกเมื่อมีการบรรทุกของครับเพราะจะเป็นค่าเติมลมที่แตกต่างกับการช้านนั่งคนเดียว
และอีกส่วนที่สำคัญสำหรับเพื่อนๆที่ใช้รถยนต์ในการเดินทางไกลครับก็คือ อันตรายจากความดันลมยางสูงเกินไป ซึ่งมีโอกาสทำให้ยางเสี่ยงต่อการระเบิดได้ง่ายกว่าครับ การลดความร้อนของยางนั้นสามารถทำได้ไม่ยากครับเพื่อนๆต้องลดการขยับตัวของโครงยางให้น้อยลงครับโดยการเติมลมเข้าไปมากกว่าค่าปกติเล็กน้อย 1-3 PSI ครับ ก็จะช่วยลดการขยับตัวที่ส่งผลต่อเรื่องความร้อนในยางครับผม อย่าลืมเช็คจุ้บลมด้วยนะครับ เพราะใช้มานานมีโอกาสซึมได้บ้างครับผม

สภาพภายนอกของยางและกระทะล้อ

ส่วนต่อมาก็คือเรื่องสภาพภายนอกของยางและกระทะล้อครับ สภาพยางที่แน่ๆคือต้องมีมีสภาพ บวม แตก หรือ โดนตำเสียหาย เพราะถ้ามีสภาพดังกล่าวแล้วนั้นเมื่อเราเดินทางระยะไกลมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าเดินทางใกล้ๆที่จะทำให้จากยางที่บวมเฉยๆมาแตกเสียหายได้ครับ หรือ จะเป็นสภาพยางฉีกขาดหรือโดนเบียดก็เช่นกันครับ
และส่วนต่อมาก็คือร่องดอกยางนั้นต้องไปสึกจนถึงสะพานยางครับเพื่อให้ยางนั้นสามารถระบายน้ำได้ดีซึ่งส่งผลเมื่อเวลาเราขับผ่านแอ่งน้ำ ร่องดอกยางจะช่วยระบายยางออกจากหน้ายางทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มที่ลดปัญหาการเหินน้ำของยาง ส่วนต่อมาของเรื่องสภาพภายนอกก็คือสภาพเนื้อยางครับ
ก่อนที่จะออกเดินทาง 1 อาทิตย์เราควรที่จะเช็คสภาพเนื้อยางก่อนครับ หากมีสภาพแข็งและแตกลายงามากๆแล้วนั้นก็จะไม่สามารถทำให้ยางใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพซึ่งอาจจะลดลงในเรื่องของการยึดเกาะถนนและระยะเบรกได้ครับ ส่วนในเรื่องแม็กก็ไม่ควรมีลอยร้าวต่างๆบนก้านแม็ก หรือ ไม่ว่าจะบริเวณขอบรูน้อตซึ่งเมื่อเราบรรทุกของด้านหลังและใช้งานเป็นระยะเวลานานๆมีโอกาสเสี่ยงได้มากเช่นกันที่จะกระทะแตกเสียหายได้ง่ายกว่าเดิมครับ

ยางอะไหล่

ส่วนที่สำคัญอีกส่วนไม่แพ้สองเรื่องด้านบนเลยก็คือ ยางอะไหล่ และชุดเครื่องมือในการเปลี่ยนยางครับ อย่างแรกเลยยางอะไหล่เพื่อนๆหลายๆคนก่อนออกเดินทางจะตรวจเช็คลมยางเฉพาะยางที่ใช้งานครับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะใช้ยางอะไหล่กลับไม่มีลมซึ่งก็ไม่สามารถใช้งานได้เพราะฉะนั้น ควรเช็คลมยางอะไหล่ก่อนออกเดินทางไกล หรือ 2-3 เดือนเช็คครั้งก็ยังดีครับเพื่อให้มีลมในยางอะไหล่เหลืออยู่ครับแต่วิธีทางออกที่ดีที่สุดถ้าหากเพื่อนๆไม่สะดวกก็พกเครื่องเติมลมฉุกเฉินก็ช่วยประหยัดเวลาได้หลายอย่างครับเพราะหากเพื่อนๆยางรั่วลมซึมออกก็ไม่ต้องเปลี่ยนยางอะไหล่ก็ใช้เครื่องเติมลมฉุกเฉนเติมลมเข้าไปแล้วขับรถไปร้านยางไปปะยางได้ครับ แต่ถ้าหากยางแตกเสียหายก็ใช้เติมลมยางอะไหล่ได้ครับ อีกส่วนที่สำคัญก็คือ ประแจกับแม่แรง ครับต้องมีติดรถไว้เพื่อสำหรับเปลี่ยนยางอะไหล่ครับผม

ก็เป็น 3 ส่วนหลักๆที่เพื่อนๆควรเช็คเกี่ยวกับยางก่อนออกเดินทางไกลเพื่อให้ทริปของเพื่อนๆปลอดดภัยและราบรื่นตลอดการเดินทางครับ ถ้าเพื่อนๆที่ไม่ได้เปลี่ยนยางนานมากๆแล้วก่อนเดินทางไกลต้องเปลี่ยนยาง ก็สามารถเช็คราคายางได้ที่ www.tiresbid.com หรือยังไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนยี่ห้อไหนก็สามารถสอบถามขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ทางไทร์บิดได้ครับผ่านทาง Line@ : @tiresbid ได้ครับ มีทีมงานขอให้บริการคำแนะนำตลอดครับผม เพราะเราอยากให้เพื่อนๆเดินทางอย่างปลอดภัยในทุกทริปครับ โอกาสหน้ามีบทความดีดีจากทางไทร์บิดเกี่ยวกับยางแน่นอนครับ

The post เดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย กับวิธีการเช็คยางรถของคุณง่ายๆกับ ไทร์บิด appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.