“อยุธยา” กรุงเก่าที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย และมีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่สำคัญและน่าสนใจมากมาย รวมไปถึงวัดต่างๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เสาร์-อาทิตย์นี้ frank จึงอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ไปเดินสายไหว้พระ 9 วัดเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตที่จังหวัดอยุธยากัน บอกเลยว่าขับรถไปได้ง่ายๆ ตามเส้นทางที่เรากำลังจะบอกตามนี้เลยคร้าบบบ
1. วัดใหญ่ชัยมงคล
เริ่มต้นวันกันด้วยวัดใหญ่ชัยมงคล ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลู หากเดินทางมาให้ใช้ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายบริเวณสี่แยกเข้าอยุธยา ตรงเข้ามาจะพบวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 1.5 กิโลเมตร จะพบวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือ
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง พระมหากษัตริย์ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยา โดยวัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในอยุธยาและมีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ได้แก่ มีเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา มีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชัยมงคล มีพระนอนที่วิหารพระพุทธไสยาสน์ ฯลฯ ที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้เป็นวัดที่มีผู้คนต่างมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทยฟรี / ชาวต่างชาติ 20 บาท
2. วัดพนัญเชิงวรวิหาร
ต่อกันที่วัดที่สองนั่นก็คือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร โดยออกจากวัดใหญ่ชัยมงคลแล้วให้คุณขับตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะพบกับวัดพนัญเชิงวรวิหาร อยู่ทางซ้ายมือ
วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นวัดที่ชาวไทยและชาวจีนต่างนิยมมากราบหลวงพ่อโต ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ส่วนในพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปสำคัญอยู่ 3 องค์ ได้แก่ พระพุทธรูปทองคำพระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค นอกจากนั้นยังมีตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมากให้ได้ไปกราบไหว้ และยังมีท่าน้ำสำหรับให้อาหารปลาเพื่อเป็นการทำทานอีกด้วย
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทยฟรี / ชาวต่างชาติ 20 บาท
3. วัดมงคลบพิตร
Credit Photo : https://th.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:วิหารพระมงคลบพิตร_จังหวังพระนครศรีอยุธยา.jpg
วัดที่สามคือ วัดมงคลบพิตร โดยให้ย้อนกลับไปบริเวณวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้มก่อนจะถึงวัดใหญ่ชัยมงคล เมื่อเจอวงเวียนแล้วให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานปรีดี-ธำรง จากนั้นจะเจอสามแยกโดยให้เลี้ยวขวาไปตามทาง ก็จะพบกับวงเวียนเล็กๆ อีกที จากนั้นให้ขับรถตรงไปก็จะพบกับวัดมงคลบพิตร
วิหารพระมงคลบพิตร เป็นที่ประดิษฐานพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปบุสำริดปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย ซึ่งต้องไม่ลืมกราบนมัสการหลวงพ่อมงคลบพิตร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของอยุธยาด้วย นอกจากนั้นบริเวณด้านทิศตะวันออก เคยใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียวกับสนามหลวงกรุงเทพในปัจจุบัน
เวลาเปิด - ปิด : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 – 16.30 น. ส่วนเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00 - 17.00 น.
4. วัดแม่นางปลื้ม
Credit Photo : http://ww2.ayutthaya.go.th/travel/detail/47
ต่อกันที่วัดที่สี่ วัดแม่นางปลื้ม ตั้งอยู่บริเวณคลองเมือง ตรงข้ามหัวรอ สามารถขับรถตรงจากวัดมงคลบพิตรได้เลย โดยขับไปเรื่อยๆ จะเจอสี่แยก จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายและขับรถตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านอีก 2 สี่แยกแล้วให้ข้ามสะพานข้ามคลองไป จากนั้นเลี้ยวขวาก็จะพบกับวัดแม่นางปลื้มอยู่ขวามือ
วัดแม่นางปลื้ม เป็นวัดที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับความจงรักภักดีของแม่ปลื้มที่มีต่อสมเด็จพระนเรศวร หลังจากแม่ปลื้มเสียชีวิต สมเด็จพระนเรศวรจึงรับสั่งให้จัดงานศพให้กับแม่ปลื้มอย่างสมเกียรติพร้อมสร้างวัดให้แม่ปลื้ม นามว่า “วัดแม่นางปลื้ม” สำหรับพระประทานของที่นี่ คือ หลวงพ่อขาว ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
5. วัดธรรมิกราช
ออกจากแม่นางปลื้มแล้วให้ย้อนกลับไปยังสี่แยกที่ 2 แล้วเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 750 เมตร วัดธรรมิกราชจะอยู่ทางซ้ายมือ
วัดธรรมิกราช เป็นวัดหลวงเก่าแก่ที่สร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา มีเจดีย์ทรงกลมที่มีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมอยู่ จำนวน 52 ตัว ถือเป็นความโดดเด่นของวัดแห่งนี้ รวมไปถึงวิหารหลวงซึ่งเป็นวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ปูนเปลือกหอย ประสานด้วยน้ำตาลอ้อยเป็นโครงสร้าง ไร้โครงเหล็กใดๆ ถือว่ามีความมั่นคงแข็งแรงมาก
เวลาเปิด - ปิด : 08.30 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
6. วัดท่าพระเมรุ
Credit Photo : https://www.pinterest.com/pin/229050331026091321
วัดที่หก ได้แก่ วัดท่าพระเมรุ โดยออกจากวัดธรรมิกราชมาแล้วให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 300 เมตร แล้วข้ามสะพานไป เลี้ยวซ้ายอีกทีก็จะพบกับวัดท่าพระเมรุทางขวามือ
วัดท่าพระเมรุ เป็นวัดที่พม่าเคยใช้ตั้งฐานบัญชาการ จึงเป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลาย ความน่าสนใจอยู่ที่สถาปัตยกรรมของวัดที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ตามสถาปัตยกรรมแบบอยุธยามากที่สุด รวมไปถึงพระอุโบสถ และพระพุทธรูปในพระอุโบสถที่หล่อด้วยทองสำริด ภายนอกฉาบด้วยปูน ลงลักปิดทองปางมารวิชัยทรงเครื่องพระมหากษัตราธิราชสมัยกรุงศรีอยุธยา ฯลฯ
เวลาเปิด - ปิด : 08.30 – 17.30 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทยฟรี / ชาวต่างชาติ 20 บาท
7. วัดเชิงท่า
ต่อกันที่วัดเชิงท่า ซึ่งอยู่ห่างจากวัดท่าพระเมรุเพียงแค่เลี้ยวขวามา 300 เมตร เท่านั้น วัดเชิงท่า มีโบราณสถานสำคัญ ได้แก่ ปรางค์ห้ายอดสมัยอยุธยา, ศาลาการเปรียญที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 รวมไปถึงงานศิลปกรรมไทยสมัยอยุธยาตอนปลาย ทั้งในรูปแบบสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมต่างๆ ซึ่งควรค่าแก่การไปกราบไหว้และเยี่ยมชม
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 17.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
8. วัดท่าการ้อง
Credit Photo : http://ww2.ayutthaya.go.th/travel/detail/43
ออกจากวัดเชิงท่าแล้วเลี้ยวซ้ายไปจะเจอกับถนนใหญ่ พอเข้าสู่ถนนใหญ่ให้ขับไปเรื่อยๆ จะพบสามแยกประตูชัย เลี้ยวขวาสู่ถนนอู่ทอง ให้ขับเลียบแม่น้ำไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร ก็จะพบสี่แยก จากนั้นเลี้ยวขวาขึ้นสะพานกษัตราธิราช เมื่อลงสะพานจะพบสี่แยกหัวแหลม จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยและขับเลียบคลองส่งน้ำไป ผ่านวัดกษัตราธิราชวรวิหาร ประมาณ 800 เมตร ให้สังเกตขวามือจะเจอซอยเข้าไปยังวัดท่าการ้อง
วัดท่าการ้อง เป็นวัดที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้คนต่างนิยมมาสักการะ “หลวงพ่อยิ้ม” ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนต้น ภายในวัดท่าการ้อง จะแตกต่างกับวัดอื่นๆ ในอยุธยา ตรงที่เป็นวัดสมัยใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องน้ำติดแอร์ มีตลาดน้ำที่เปิดทุกเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์อีกด้วย
เวลาเปิด - ปิด : 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
9. วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
Credit Photo : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
ปิดท้ายกันที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร โดยออกจากวัดท่าการ้องมาแล้วให้ย้อนกลับไปจะเจอกับวัดกษัตราธิราชวรวิหาร โดยวัดกษัตราธิราช เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีความน่าสนใจอยู่หลายอย่างภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นพระวิหารที่มีถึง 4 หลัง, พระอุโบสถที่เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธกษัตราธิราช พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พระปรางค์ประธานหลังพระอุโบสถ, เจดีย์รายซึ่งเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ฯลฯ
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางทำบุญมาทั้งวัน แนะนำว่าให้ลองพักค้างคืนที่อยุธยาสักคืน ซึ่งในจังหวัดอยุธยามีที่พักสวยๆ ให้คุณได้นอนซึมซับบรรยากาศของกรุงเก่าอยู่หลายโรงแรม เช้าวันที่ 2 frank แนะนำให้เพื่อนๆ เที่ยวตลาดน้ำอโยธยาแวะทานของอร่อยๆ พร้อมซื้อของฝากก่อนกลับ รวมไปถึงมีก๋วยเตี๋ยวอยุธยา ร้านอาหารที่ขายกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ๆ เด็ดๆ ที่ขึ้นชื่ออยู่หลายร้านที่รอให้คุณไปลิ้มลองอีกด้วยนะครัาบบบ
ข้อมูลจาก expedia.co.th,
เชื่อมต่อ กับพวกเรา
