รถชนเสาไฟ เป็นอุบัติเหตุบนถนนที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ส่วนใหญ่เกิดจากผู้ขับขี่ประมาทโดยใช้ความเร็วเกินกำหนด หรือขับรถในขณะมึนเมา หากคุณไม่อยากให้อุบัติเหตุเหล่านี้เกิดขึ้น จะต้องมีสติในการขับรถเสมอ แต่ถ้าคุณโชคไม่ดีล่ะ?! บังเอิญขับรถยนต์ชนเสาไฟฟ้า ซึ่งมีกระแสไฟอันตรายอยู่รอบๆ ตัวรถของคุณ อาจเสี่ยงโดนไฟฟ้าดูดได้ แล้วนี่ก็คือ วิธีเอาตัวรอดที่ถูกต้องเมื่อขับรถชนเสาไฟฟ้า มาดูกันเลย!
สำหรับเหตุการณ์แรก ถ้าสายไฟขาดมาโดนตัวรถยนต์ ห้ามผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารบนรถลงจากรถเด็ดขาด เพราะกระแสไฟฟ้ากระจายอยู่รอบๆ ตัวรถประมาณ 10 รัศมี โดยขึ้นอยู่กับความแรงของกระแสไฟฟ้า ให้แจ้ง 1129 (PEA Online) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้าดีกว่า
แต่ถ้าไฟไหม้รถแล้วจำเป็นต้องออกจากรถ ให้เรามีสติแล้วพยายามอย่าแตะชิ้นส่วนที่เป็นโครงเหล็ก เพราะกระแสไฟอาจไหลผ่านเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นให้กระโดดออกจากรถโดยขาชิดติดกัน เก็บมือสองข้างไว้ข้างหน้า และกระโดดขาคู่ติดพื้นจนพ้นพื้นที่อันตราย
ในทางกลับกันเมื่อคุณเจอคนอื่นขับรถชนเสาไฟฟ้า ทางที่ดีคุณอย่าเพิ่งเข้าใกล้รถคันนั้น เพราะอาจมีกระแสไฟกระจายรอบตัวรถ ให้คุณอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุมากกว่า 10 เมตร และโทรแจ้ง 1129 (PEA Online) หรือแจ้งสายด่วน MEA 113 การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กรณีที่มีคนได้รับบาดเจ็บให้โทรเรียกรถพยาบาล เพื่อขอความช่วยเหลือทันที
หากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น1 จะให้ความคุ้มครองเคสนี้ เนื่องจากประกันชั้น 1 ครอบคลุมอุบัติเหตุรถชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น รถชนรั้วบ้าน รถชนเสาไฟ รถชนต้นไม้ เป็นต้น สามารถแจ้งเคลมกับบริษัทประกันได้เลย ทางบริษัทประกันจะเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย และทำการเคลมให้กับคุณตามทุนประกันที่กำหนดไว้
กรณีทำประกันรถชั้นอื่นๆ เช่น ประกันชั้น 2/2+ หรือ ประกันชั้น 3/3+ จะไม่คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งจะต้องเป็นการเคลมอุบัติเหตุรถชนรถเท่านั้น แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุรถไฟไหม้ อันนี้สามารถเคลมได้ทั้งประกันชั้น 1 และประกันชั้น 2/2+ เพราะคุ้มครองกรณีรถไฟไหม้อยู่แล้ว
อย่างที่บอกว่า อุบัติเหตุบนถนนเกิดขึ้นได้ตลอด หากเรารู้วิธีเอาตัวรอดก็จะช่วยให้คุณพ้นจากอันตรายได้ แต่เราจะต้องขับรถอย่างมีสติ เคารพกฎหมายจราจร แล้วที่สำคัญอย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ bolttech ให้คุ้มครองรถของคุณจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทั้งการชนแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี แม้กระทั่งรถไฟไหม้ก็ครอบคลุม เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับโดยเฉพาะ