Bolttech Insurance Broker
LinePhone

เครื่องยนต์ความร้อนขึ้น ทางออกที่ดีคือ ?

เข้าสู่หน้าร้อนกันแล้ว ไปไหนมาไหนก็ต้องเตรียมตัวซะหน่อย ยิ่งอุณหภูมิสูงแบบนี้ก็กลัวว่ารถยนต์จะร้อนผิดปกติ อาจทำให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ใช้งานหนักมากเกินไป หรือระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์มีปัญหา ก็ส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนสูง มีควันพุ่งออกได้เช่นกัน !! จนกลายเป็นปัญหาหลักที่รถทุกคันแทบไม่อยากเจอ ด้วยเหตุนี้เอง Frank.co.th จึงอยากแนะนำทางออกที่ดีที่สุดให้กับคุณ และหยิกยกเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับวิธีแก้ไขเครื่องยนต์ร้อน เพื่อให้รับมือได้ทันเวลา ฉบับรู้ลึกรู้จริง แล้วเราจะต้องทำอย่างไรบ้างนะ ? มาอ่านกันเลย

เมื่อเครื่องยนต์ร้อนผิดปกติ ต้องทำอย่างไร ?

  • หากเครื่องยนต์ร้อนสูง ให้รีบจอดรถเข้าข้างทาง
  • แล้วจึงเปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจสอบ
  • รอให้เครื่องยนต์หายร้อนก่อน แล้วค่อยเติมหม้อน้ำ
  • หลังจากนั้นค่อยสตาร์ทรถยนต์

1. รีบจอดรถเข้าข้างทาง

รถยนต์ความร้อนขึ้น ทางออกที่ดีคือ
หากว่าคุณกำลังขับรถอยู่ดีๆ แล้วมีไฟแจ้งเตือนความร้อนขึ้น เป็นลักษณะเข็มพุ่งอยู่ในเขตสีเเดง ให้รีบเปิดไฟขอทางเพื่อเลี้ยวจอดเข้าข้างทางทันที ไม่ควรฝืนขับรถต่อไป มันจะยิ่งทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้นกว่าเดิม จนเกิดควันไฟขึ้นหรือรถส่งกลิ่นเหม็นไหม้ได้ แนะนำให้คุณปิดแอร์ก่อน หลังจากนั้นรอให้ความร้อนลดลงจึงค่อยดับเครื่องยนต์  แต่ไม่ควรดับเครื่องกระทันหัน เพราะโลหะต่างๆ จะหดตัวทำให้รถยนต์พังง่ายขึ้น

2. เปิดฝากระโปรงและตรวจสอบ

รถยนต์ความร้อนขึ้น ทางออกที่ดีคือ
เมื่อจอดรถในที่ปลอดภัยแล้ว ต่อมาเราก็จะเปิดฝากระโปรงรถยนต์ อย่างน้อยประมาณ  20 -30 นาที  เพื่อระบายความร้อน หลังจากเครื่องยนต์เย็นลง ก็ลองเช็คในห้องเครื่องยนต์ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะระบบระบายความร้อน ซึ่งอุปกรณ์จะประกอบไปด้วย หม้อน้ำ ฝาหม้อน้ำกับถังพัก ท่อน้ำ วาล์วน้ำ และปั๊มน้ำ ทั้งนี้เราสามารถตรวจสอบเบื้องต้นก่อนได้ ดังนี้

  • หม้อน้ำ

ง่ายๆ เพียงแค่เช็คปริมาณระดับน้ำในหม้อน้ำ ว่าลดลงจากขีดกำหนดหรือไม่ และให้สังเกตสีของน้ำยาหล่อเย็นที่อยู่ในหม้อน้ำ ถ้าเปลี่ยนสีไปจากเดิม เช่น น้ำเริ่มเป็นสีสนิม ก็ควรเข้าศูนย์บริการ เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น และสิ่งสำคัญมากๆ ก็คือ ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องยนต์ร้อนอยู่  เนื่องจากน้ำที่ร้อนระอุนั้น อาจจะพุ่งเข้าสู่หน้าเราได้ !! ดังนั้น ควรรอให้เครื่องยนต์เย็นตัวลงไปก่อน

  • ฝาหม้อน้ำกับถังพัก

ให้เปิดฝาหม้อน้ำออกโดยใช้นิ้วมือลูบบริเวณซีลยาง เช็คว่ามีชิ้นส่วนใดกรอบแตก หัก หรือหลุดหายบ้างหรือไม่? หากพบว่าผิดปกติมีรอยแตกให้เดาก่อนว่าตัวฝาหม้อน้ำมีปัญหา  แล้วลองใช้มือกดสปริงตรงกลางดูว่าซีลยางนิ่มหรือไม่ ถ้าทุกอย่างเป็นปกติ แสดงว่าสามารถใช้งานต่อไปได้

  • ท่อน้ำ

ลองเช็คเบื้องต้นก่อนด้วยการบีบท่อน้ำ ถ้านิ่มแสดงว่าท่อน้ำยังคงใช้งานได้อยู่ แต่หากบีบแล้วเเข็งๆ คาดว่าน่าจะเสื่อมสภาพให้เปลี่ยนใหม่ด่วน  เพราะท่อน้ำจะเป็นทางเดินของหล่อน้ำเย็น จะคอยรับแรงดันของน้ำเย็นที่สูงขึ้น และลดลงตามอุณหภูมิ อันนี้เราสามารถตรวจเช็คได้เลย

  • วาล์วน้ำ

หรือเรียกอีกอย่างว่าเทอร์โมสตรัท สามารถตรวจสอบเพียงแค่มือสัมผัส โดยให้จับท่อยางทั้ง 2 เส้น ขณะที่อุณหภูมิเครื่องยนต์เย็นตัวลง (สังเกตได้ที่เรือนไมล์) สมมุติว่าทั้งสองเส้นร้อนพร้อมกันแสดงว่าเป็นปกติ แต่ถ้าเกิดว่ามีเส้นหนึ่งร้อนและอีกเส้นหนึ่งเย็น แสดงว่าวาล์วน้ำน่าจะไม่ทำงาน ควรติดต่อให้ช่างเข้ามาช่วยดูอีกที

  • ปั๊มน้ำ

อันนี้สังเกตง่ายนิดเดียวให้ดูน้ำหล่อเย็นในถังพักน้ำ หากพบว่าปริมาณน้ำลดลงบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เติมตลอดเวลา  อาจเป็นไปได้ว่าปั๊มน้ำรั่วซึม หรือเสื่อมสภาพก็ต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะน้ำในระบบจะไม่หมุนเวียน ส่งผลให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย แนะนำให้เรานำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสภาพรถและเปลี่ยนใหม่

3. รอเครื่องเย็นแล้วเติมหม้อน้ำ

รถยนต์ความร้อนขึ้น ทางออกที่ดีคือ
หลังจากตรวจสอบ แล้วรอให้อุณหภูมิของเครื่องยนต์ลดลง ให้เราค่อยๆเปิดฝาหม้อน้ำออก โดยนำผ้ามารองฝาหม้อขณะเปิด เพราะเครื่องยนต์จะร้อนมากกว่าปกติ อาจทำให้มือเราพองได้ เมื่อเสร็จแล้วก็ตรวจเช็คว่าปริมาณน้ำในหม้อเติมน้ำต่ำว่าขีดกำหนดไหม หากลดลงให้ใช้น้ำยาหล่อเย็นมาเติมทีละนิด ประมาณ 30 - 60 วินาทีต่อครั้ง ถ้าไม่มีน้ำยาหล่อเย็นก็ให้ใช้น้ำสะอาดไปก่อน แต่อย่าเติมพรวดเดียวนะ เพราะน้ำอาจจะเดือด และเกิดการขยายตัว จนทำให้หม้อน้ำแตกได้ ส่วนอีกข้อควรระวังเลยก็คือ ห้ามใช้น้ำที่เย็นจัด หรือน้ำบาดาลเด็ดขาด เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย  แล้วอย่าลืมเช็คด้วยนะ ว่ามีน้ำรั่วซึมหรือไม่ก่อนสตาร์ทรถ

4. หลังจากนั้นค่อยสตาร์ทรถยนต์

รถยนต์ความร้อนขึ้น ทางออกที่ดีคือ
ขั้นตอนสุดท้ายให้เราลองสตาร์ทรถยนต์ดูก่อน เพราะต้องการให้น้ำของเครื่องยนต์หมุนเวียน  ถ้าสตาร์ทรถไม่เจอความผิดปกติและอุณหภูมิเริ่มคงที่ก็สามารถเดินทางต่อไปได้ แล้วระหว่างทางขับรถก็อย่าลืมหัดสังเกตระดับเข็มความร้อน หรือสัญญาณไฟเตือนกันด้วยนะ หากเครื่องยนต์ร้อนอยู่ รถเกิดสตาร์ทไม่ติด หรือ แอร์รถไม่เย็น Frank แนะนำให้เราโทรหาช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบดีกว่า
ถ้าเราขับรถทางไกลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนสูงได้ง่าย ดังนั้น เราควรศึกษาวิธีรับมือและแก้ปัญหาเครื่องยนต์ร้อนสูงให้ดีซะก่อน หรือสามารถอ่านข้อสอบใบขับขี่ 2563 เพิ่มเติมได้เลย เพราะจะมีความรู้ดีๆ เกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษารถยนต์และการใช้งานที่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้จะช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ แถมไม่ต้องเสียเงินค่าซ่อมราคาแพงด้วย อย่างที่เพนกวิน Frank บอกนั่นแหละ เราจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมีสิ่งใดผิดปกติ ก็ควรโทรเรียกช่างให้มาช่วยดูแลอีกที  และสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เราจะต้องควบคุมสติตัวเองให้ได้อันดับแรกเสมอ

Frank’s Box

  • หากเกิดเหตุสามารถโทรเข้า 1197 สายด่วนจราจรทางบก หรือแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของแต่ละจังหวัด
  • ลองโทรบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน จากบริษัทประกันรถยนต์ที่เราใช้บริการอยู่ได้ (Road Side Assistant) ตลอด 24 ชม.
  • ควรมีเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินของอู่ซ่อมรถ หรือศูนย์บริการรถยนต์ที่สามารถโทรเรียกให้มาบริการได้ หรือจะลองค้นหาจากอินเตอร์เน็ตตามแหล่งสถานที่

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์

Sleeping Blogger

Content Writer ผู้ที่รักงานเขียนเป็นชีวิตจิตใจ ชอบเล่าเรื่อง แชร์ความรู้ใหม่ๆ หรือไอเดียง่ายๆ ที่เป็นสไตล์ของตัวเอง อยากให้เพื่อนๆ สนุกไปด้วยกัน!

เชื่อมต่อ กับพวกเรา

รับข่าวสารล่าสุดและข้อเสนอโดยติดตามเราในช่องโปรดของคุณ
LineFacebook
Bolttech
บริษัท โบลท์เทค อินชัวร์นส์ โบรคเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ใบอนุญาตินายหน้าประกันภัยหมายเลข
00017/2559
หมายเลขจดทะเบียนนิติบุคคล
0105559056161
รับรองความปลอดภัย และ อยู่ภายใต้ความควบคุม ของ
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
Security & Compliances
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
bolttech © 2021 All Rights Reserved.