อีกหนึ่งในประเทศ 31 ฟรีวีซ่าสำหรับคนไทย เพียงแค่มีพาสปอร์ตก็เที่ยวได้ หากคุณมีโอกาสเข้ามาสัมผัสเมืองลึกลับแห่งนี้ ก็จะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติและสัตว์ป่าแบบใกล้ชิด เรียกว่าตามรอยสัตว์ป่าจริงจังเลยครับ ด้วยเสน่ห์ไม่เหมือนใคร รับรองว่าทัวร์แอฟริกาใต้ครั้งนี้จะทำให้หัวใจของคุณตื่นเต้นกับการผจญภัยในดินแดนแปลกใหม่ ทั้งสนุกและท้าทายอย่างแน่นอน แถมค่าใช้จ่ายไม่แพงด้วยนะ ถ้าคุณอยากจะไปเที่ยวแอฟริกาใต้สักครั้ง ลองมาเตรียมทริปตามพิกัดที่น่าสนใจกันโล้ด !!
เข้าสู่ดินแดนแอฟริกาใต้กันเถอะ… เราขอพาทุกคนไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่งที่รู้จักในนามเมืองพริทอเรีย (Pretoria) อีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจของแอฟริกา ซึ่งจุดเด่นในเมืองพริทอเรียจะมีรูปปั้นวีรบุรุษที่สำคัญอย่างอดีตประธานธิบดีของรัฐอิสระชาวบัวร์ “พอล ครูเกอร์” (Paul Kruger) ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกลางเมืองขนาดใหญ่ จนติดอันดับว่าเป็นทำเนียบประธานาธิบดีที่สวยที่สุดในโลก แนะนำให้คุณเข้ามาลองมาถ่ายรูปกันสักครั้ง
นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านของประธานาธิบดีครูเกอร์ให้เยี่ยมชมอีกด้วย บริเวณภายในก็จะมีข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ที่หาชมได้ยาก รวมถึงงานแสดงชิ้นวัตถุสำคัญสมัยสงคราม หากใครเดินทางด้วยรถยนต์ก็สามารถหาที่จอดรถบริเวณรอบ ๆ ถนน หรืออยากจะเดินจากใจกลางเมืองพริทอเรียได้เช่นกัน ไม่ไกลอย่างที่คิดครับ!
ต่อมาให้เราลองเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ “เนลสัน แมนเดลา” (Nelson Mandala) อยู่ไม่ไกลจากเมืองโจฮันเนสเบิร์กครับ ถือเป็นสถานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจของประธานาธิบดีผิวดำคนแรกแห่งแอฟริกาใต้ ปรับเปลี่ยนการเลิกทาสชาวผิวสีให้มีสิทธิในสังคม จึงกลายเป็นหนึ่งบุคคลที่สำคัญของโลก ถ้าคุณเดินเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์จะเห็นโบราณวัตถุต่าง ๆ ภาพถ่าย ห้องนอน และผลงานชิ้นสำคัญของท่าน หรือแม้กระทั่งโซฟาที่ท่านเคยนั่งใช้รับแขก ก็เปิดให้เข้าชมด้วย บรรยากาศจะให้ความรู้สึกอบอุ่น เรียบง่ายมาก ๆ ครับ ส่วนบริเวณด้านนอกก็จะมีร้านค้าท้องถิ่นขาย เช่น งานฝีมือ เสื้อผ้า เครื่องประดับ และร้านอาหารมุมเล็ก ๆ จากดินแดนเเอฟริกาใต้ เปิดให้บริการทุกวันเวลา 09.00 – 17.00 น.
เอ้า! สายขาลุยทั้งหลาย พลาดไม่ได้เลยครับ กับแดนสวรรค์ “หุบผาแม่น้ำไบลด์” หรือแคนยอนสีเขียวแห่งแอฟริกาใต้ เสมือนเป็นที่ยอดฮิตของนักเดินป่าไฮกิ้ง เพื่อมาชื่นชมความงามของธรรมชาติระหว่างหุบเขาขนาดใหญ่ ซึ่งจุดเด่นของที่นี่จะมีน้ำไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา หินทรายเกาะกันเป็นแพ และมีพืชพันธุ์ป่าไม้อย่างทุ่งหญ้าสะวันนากระจายตัวอยู่รอบบริเวณ เราก็สามารถเดินเข้าไปสำรวจในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมกับเซลฟี่ได้ตามอัธยาศัย แถมยังมีสะพานไม้ทอดยาวให้เดินข้ามชมด้านล่างอีกด้วย นับเป็นจุดที่พักผ่อนระหว่างเดินทางจากเมืองโจฮันเนสเบิร์กไปยังอุทยานแห่งชาติครูเกอร์นั่นเองครับ แต่สำหรับนักปีนเขาต้องระวัง Altitude Sickness โรคแพ้ที่สูงกันด้วยนะ เนื่องจากหุบเขานี้ค่อนข้างสูงชันมาก ดังนั้นเราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางครับ
เมื่อเราเดินทางมาเที่ยวแอฟริกาใต้กันแล้ว จะพลาดไม่ได้เลยกับ “อุทยานแห่งชาติครูเกอร์” (Kruger National Park) สถานที่เที่ยวชมสัตว์ป่าซาฟารี แบบเปิด! เพราะทางอุทยานจะจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเข้ามาส่องชีวิตสัตว์ป่ากันแบบจัดเต็ม คุณจะได้สัมผัสกับ ม้าลาย ช้าง แรด ยีราฟ สิงโต เสือดาว รวมถึงนก ปลา และสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์มาก มีธรรมชาติป่าไม้หลากหลายพันธุ์ที่หาชมได้ยากด้วยครับ หากใครที่อยากจะสัมผัสอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ ก็สามารถนั่งรถจิ๊บแบบเปิดประทุนจากอุทยาน หรือใช้บริการซื้อทัวร์กันได้ตามสบาย ระหว่างทางคุณก็จะได้เห็นสัตว์ป่าเดินกระจายอยู่รอบ ๆ บริเวณ ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยทางอุทยานก็จะมีที่พักตากอากาศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว พร้อมกับรับประทานอาหารยามค่ำคืน รับรองว่าคุณจะได้เพลิดเพลินกับเส้นทางธรรมชาติอย่างแน่นอน
** แต่ที่อุทยานแห่งชาตินี้จะมีกฎพิเศษ ก็คือ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสัตว์ได้เพียงคนละไม่เกิน 3 ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อไม่ให้รบกวนสัตว์มากจนเกินไป แล้วการเดินป่านักท่องเที่ยวจะต้องลงชื่อไว้ ไม่ต้องกลัวนะครับ จะมีเจ้าหน้าที่พาเดินไปตามเส้นทางที่สามารถเห็นสัตว์ป่าได้ชัดเจนเต็มอิ่มแน่นอน
หลังจากส่องชีวิตสัตว์ป่าที่อุทยานกันแล้ว ก็ต้องลองมาเที่ยวว่ายน้ำที่ริม “ชายหาดโบลเดอร์ส” (Boulders Beach) ด้วยนะครับ เพราะคุณจะได้มีโอกาสเห็น “เพนกวินแอฟริกัน” รวมตัวจำนวนมากบนชายหาดแห่งนี้ โดยไม่กระจกกั้น นั่นก็คือ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป หรือเข้ามาชมเพนกวินแบบใกล้ชิดเลยครับ โดยเราสามารถเข้ามาถ่ายรูปตรงบริเวณ 3 แห่งดังนี้
ถือเป็นจุดแรกที่เราจะได้เห็นเพนกวินเยอะที่สุด กระจายตัวอยู่รอบๆ ริมชายหาดโบลเดอร์ส สามารถเดินชมได้ตรงบริเวณสะพานไม้ที่ทอดยาวตลอดทาง หากคุณโชคดีหน่อยอาจจะเห็นเพนกวินกำลังวางไข่ด้วยนะ เนื่องจากทางอุทยานจะสร้างบ้านเป็นรู เพื่อให้เพนกวินทำรังหรือวางไข่ครับ
จะห่างจะจุดแรกประมาณ 550 เมตร ความน่าสนใจของหาดนี้ก็คือ สามารถเดินเล่นลงชายหาดกับเพนกวินได้ครับ ถ้าคุณอยากจะถ่ายรูปกับเพนกวินแบบใกล้ชิด ก็ต้องมาที่หาดนี้ให้ได้! แนะนำให้เดินข้ามโขดหินของชาดหาดไปหน่อย เพราะจุดนี้ทางเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เข้าไปถ่ายรูปได้ตามใจชอบ หรือสามารถว่ายน้ำและชมเพนกวินไปพร้อมๆ กันครับ
** สำหรับจุดแรกกับจุดที่สอง จะมีค่าเยี่ยมชม (ผู้ใหญ่) ประมาณ 190 บาท และเด็กประมาณ 100 บาท โดยค่าบริการจะเก็บเป็นค่าบำรุงสถานที่ และค่าอนุรักษ์เจ้านกเพนกวินสายพันธุ์แอฟริกันให้อยู่กับเราต่อไป
อีกหนึ่งจุดที่เราสามารถลงเล่นในชายหาดได้ ฟรี! ไม่คิดค่าใช้จ่ายครับ แต่เราอาจจะเห็นเพนกวินน้อยกว่าจุดอื่น เพราะจะมีคนค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ยังมีจุดพักชาร์จพลังมีร้านอาหารอร่อย ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะมารับประทานระหว่างวันอีกด้วย
เดิมเพนกวินชนิดนี้ชื่อว่า เพนกวินลา (Jackass penguin) แต่ภายหลังปรับเปลี่ยนชื่อเป็น “เพนกวินแอฟริกัน” โดยมีลำตัวขนาดเล็ก น้ำหนักประมาณ 2–5 กิโลกรัม สามารถพบได้มากที่สุดบนชายหาดโบลส์เดอร์ ประเทศแอฟริกาใต้ และเป็นเพนกวินเพียงชนิดเดียวที่พบในทวีปแอฟริกา หรือถ้ายังไม่เต็มอิ่มอ่าน 5 เรื่องน่ารู้ของชีวิตเพนกวินที่คุณ (อาจ) ไม่เคยรู้มาก่อนได้นะครับ
มาเที่ยวแอฟริกาใต้ทั้งที ก็ต้องไปเที่ยวชม “ภูเขารูปโต๊ะ” (Table Mountain) กันสักครั้ง จะตั้งอยู่ทางทิศใต้ในเมืองเคปทาวน์ มีความสูงประมาณ 1,086 เมตรจากระดับน้ำทะเล จนได้รับเลือกให้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกยุคใหม่ ซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนตามลมและฝน จนทำให้กลายเป็นภูเขายอดตัดรูปร่างคล้ายโต๊ะตรงตามชื่อเลย สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนต้องการผจญภัย ก็สามารถเดินชมวิวระหว่างทางกันได้ แต่การไปสู่ยอดเขานั้นทางเจ้าหน้าที่จะมีบริการรถกระเช้าไฟฟ้า (Cable Car) บรรจุผู้โดยสารมากถึง 65 คนต่อครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปดื่มด่ำทัศนียภาพและธรรมชาติข้างบน เรียกว่าเป็นจุดที่เห็นธรรมชาติได้ครบ 360 องศาเลยครับ จึงกลายเป็นเมืองสวรรค์และเป็นจุดหมายการเดินทางในฝันนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อีกทั้งบริเวณนั้นยังมีท่าเรือบรรทุกสินค้า เอาใจขาช้อปให้ซื้อของฝากเด็ด ๆ กลับบ้านอีกเพียบ
สุดท้ายแล้วก่อนกลับ ก็อย่าลืมแวะเข้ามาชมไร่องุ่น และดื่มด่ำไวน์ชั้นเลิศที่ “กรูทคอนสแตนเทีย” (Groot Constantia) ณ เคปทาวน์ เมืองหลวงของประเทศแอฟริกาใต้กันนะครับ ถือเป็นไร่องุ่นที่เก่าแก่ที่สุดของแอฟริกาใต้ หากคุณมีโอกาสเข้ามาสัมผัสบรรยากาศที่นี่ ก็จะได้เห็นองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ที่ชาวแอฟริกันปลูกครับ ได้แก่
ดังนั้น ใครที่ชื่นชอบดื่มไวน์เป็นพิเศษ ก็สามารถเข้ามาในโรงกลั่น เพื่อดูการสาธิตทำไวน์ตั้งแต่วิธีเก็บองุ่นจนไปถึงการจัดจำหน่ายได้นะครับ หรือนักท่องเที่ยวคนไหนไม่เน้นเรียนรู้มากมาย อยากจะนั่งจิบไวน์ชิล ๆ ทางไร่องุ่นกรูทคอนสแตนเทียก็มีบริการให้ ยังมีร้านค้าจำหน่ายไวน์ให้ชิมคู่กับช็อกโกแลตด้วยนะ สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยครับ ก่อนกลับก็อย่าลืมเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ภายในไร่ด้วย เพราะคุณจะได้สำรวจวัตถุและภาพถ่ายเกี่ยวกับการผลิตโรงกลั่น รวมถึงอุปกรณ์ที่เคยใช้ทำไวน์สมัยก่อนครับ รับรองว่าคุณจะต้องตื่นตาตื่นใจกับทริปทัวร์แอฟริกาใต้อย่างแน่นอน
** ทางกรูตคอนสแตนเทียจะมีที่จอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว สามารถขับรถจากตัวเมืองเคปทาวน์ไปประมาณ 20 กิโลเมตร หรือใช้บริการทัวร์ก็ได้ เปิดให้ชมทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดราชการ) ส่วนค่าบริการอาหาร และไวน์ต่าง ๆ สามารถเข้ามาดูได้บนเว็บไซต์ทางการของ Groot Constantia ที่นี่เลยครับ
หากใครที่อยากจะเที่ยวแอฟริกาใต้ ดินแดนธรรมชาติของนักผจญภัย ก็ลองเตรียมแพลนเที่ยวบินตรงไปที่แอฟริกาใต้ได้เลยครับ เพราะที่นี่จะรายล้อมไปด้วยป่าไม้ สัตว์ป่า แม่น้ำ และภูเขา รวมถึงความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ช่วยให้คุณเพลิดเพลินตลอดทาง ที่สำคัญเดินทางง่ายเพราะเป็นประเทศฟรีวีซ่าสำหรับคนไทย นั่นก็คือ เพียงแค่คุณมีพาสปอร์ตก็เที่ยวได้ทันทีภายใน 30 วัน อยากจะเที่ยวกับเพื่อน ๆ หรือจะลุยเดี่ยวก็สนุกคนละแบบครับ แล้วที่สำคัญเราควรศึกษาวิธีจัดกระเป๋าเดินทางยังไงไม่ให้เฟล และดูเส้นทางที่ปราศจากสัตว์อันตรายหรือดุร้ายด้วยนะ
พร้อมออกเดินทางกันแล้ว ก็อย่าลืมซื้อประกันเดินทางไปแอฟริกาใต้กับ frank.co.th เอาไว้ด้วย เพราะประกันเดินทางไปแอฟริกาใต้ จะช่วยทำให้ทริปครั้งนี้ของคุณหมดห่วง ไม่ว่าจะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล, คุ้มครองวีซ่า, คุ้มครองการยกเลิกการเดินทาง หรือคุ้มครองสัมภาระสูญหาย ก็พร้อมดูแลตลอด 24 ชม. แต่ถ้าอยากเพิ่มความคุ้มครองให้มากยิ่งขึ้นก็สามารถซื้อประกันอุบัติเหตุควบคู่ได้นะครับ เราจะมีแผนคุ้มครองให้เลือกตามต้องการ ค่าเบี้ยไม่แพง อย่างน้อยก็ช่วยทำให้คุณปลอดภัยนั่นเอง
แหล่งข้อมูล : amazingthaisea.com
tiewtungbaan.com