เพราะว่า “เเบตเตอรี่รถยนต์” เป็นอุปกรณ์หลักที่ทำหน้าที่ในการจ่ายไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์ หากเแบตเตอรี่ของรถยนต์หมดอายุการใช้งานหรือเสื่อมสภาพ ก็จะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด ระบบไฟฟ้าภายในรถไม่ทำงาน พูดง่ายๆ เเบตเตอรี่ก็เปรียบเสมือนที่เก็บพลังงานสำรองของรถยนต์นั่นเอง
โดยเเบตเตอรี่รถยนต์จะมีหลายประเภทด้วยกัน อย่างเช่นแบตเตอรี่แห้ง แบตเตอรี่กึ่งแห้ง และเเบตเตอรี่น้ำ แล้วแต่ละชนิดต่างกันยังไง? แบตเตอรี่รถยนต์แบบไหนดีกว่ากัน มาอ่านกันเลย
แบตเตอรี่แห้ง คือ แบตเตอรี่ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน และไม่มีฝาเปิด-ปิด แบตเตอรี่แห้งนั้นยังสามารถปล่อยทิ้งไว้ในสภาพไม่มีประจุไฟได้นานกว่าแบตเตอรี่ธรรมดาโดยไม่ต้องชาร์จไฟเพื่อกระตุ้นแบตเตอรี่
เป็นแบตเตอรี่ที่ยังมีรูให้สามารถเติมน้ำกลั่นได้ แต่อาจจะไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยมากกว่าแบตเตอรี่น้ำ โดยผู้ใช้รถยนต์สามารถเติมน้ำกลั่นทุก 6 เดือน หรือเมื่อรถวิ่งครบ 10,000 กิโลเมตร
แบตเตอรี่น้ำ คือ แบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรดที่มีส่วนประกอบของโลหะผสมตะกั่วกับพลวง ผู้ใช้รถจะต้องหมั่นเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ หรือเติมน้ำกลั่นเมื่อรถวิ่งครบทุก 1,000 กิโลเมตร และต้องทำการชาร์จก่อนใช้งานอย่างน้อยให้ได้ 8 ชั่วโมง
เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้ว เราควรเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดีระหว่างแบตเตอรี่แห้ง แบตเตอรี่กึ่งแห้ง หรือแบตเตอรี่น้ำ ถ้าเรารู้ประเภทการใช้งานทั้ง 3 อย่าง เราจะเห็นว่าแต่ละชนิดนั้นก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ใช้รถเป็นหลัก
เช่นถ้าเราต้องการเเบตเตอรี่รถยนต์ราคาถูก และทนทาน เราจะต้องมีเวลาตรวจสอบระดับน้ำกลั่นสม่ำเสมอ หรือถ้าใครที่ไม่มีเวลามาตรวจเช็กน้ำกลั่นบ่อยๆ ก็อาจจะเลือกเป็นแบตเตอรี่แห้งแทน เพราะไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น แถมไฟไม่หมดง่าย แต่ข้อเสียก็จะต้องแลกมาด้วยราคาแพงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดไหน เราก็ต้องหมั่นบำรุงดูแลรักษารถยนต์ และใช้งานอย่างถูกวิธี เพื่อให้เเบตเตอรี่รถยนต์ได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานนานขึ้น ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยๆ ให้เปลืองเงิน