อ่านเร็วๆ
ปกติแล้วก่อนการเดินทางไกลเรามักตรวจสอบความพร้อมของรถก่อนการเดินทางกันใช่ไหมครับ? นอกจากความพร้อมของเครื่องยนต์หรือระบบเบรกแล้ว ยังมีเรื่องของไฟหน้ารถและไฟท้ายรถที่เราไม่ควรจะมองข้ามด้วยเพราะเป็นเรื่องของทัศนวิสัยที่เราต้องใช้ในการเดินทางโดยเฉพาะในเวลากลางคืนรวมถึงส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้รถเพื่อนร่วมถนนด้วยตามข่าวที่เจ้าหน้าที่คุมเข้มเรื่องไฟตัดหมอก-ซีนอน
ว่าแต่..เรารู้จักไฟหน้าไฟหลังของรถเราบ้างแล้วยังครับว่ามีไฟอะไรบ้าง? แต่ละไฟควรใช้เมื่อไหร่? และเราตรวจดูด้วยตัวเองเบื้องต้นอย่างไรว่ามันทำงานได้อย่างถูกต้อง
เรื่มกันที่ไฟสัญลักษณ์กันก่อนเลยครับ ไฟที่ว่านี้เป็นสัญญาณบอกว่าเราได้เปิดใช้ระบบไฟฟ้าของรถยนต์แล้ว ส่วนรูปร่างก็จะต่างกันไปตามรุ่นและยี่ห้อของรถยต์โดยจะมีทั้งไฟหน้าและไฟหลังหรือในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ก็ปรับมาใช้หลอดไฟ LED แทนเพื่อความสวยงามและความสว่างไปในตัวครับ
ไฟฉุกเฉินหรือไฟเลี้ยวที่อยู่ด้านหน้าของรถที่เป็นหลอดสีส้ม ๆ นัั้นเอาไว้เป็นสัญญาณบอกว่าเราต้องการเปลี่ยนทิศทางรอไปด้านไหน หรือแม้กระทั่งการเปิดไฟกระพริบเมื่อเราต้องการให้สัญญาาณไฟฉุกเฉินก็ได้เช่นกันครับ
สำคัญสุด ห้ามปล่อยให้ไฟหน้าขาดนะครับ เนื่องจากไฟหน้ารถเป็นไฟที่ให้แสงสว่างหลักในการขับขี่ยามค่ำคืน ซึ่งระยะของการมองเห็นเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการควบคุมรถและการใช้ความเร็วครับ เช่น ถ้าเราต้องการการมองเห็นในระยะไกลเมื่อเราขับด้วยความเร็วสูงเราสามารถเลือกใช้
เพื่อการขับขี่ทางไกลเวลานานที่ต้องใช้ความเร็วสูง เช่น การขับรถไปต่างจังหวัดที่ต้องการการมองเห็นระยะทางไกล เพื่อขับรถอย่างเหมาะสม มองเห็นเส้นทางและง่ายต่อการควบคุมรถ
อ่อ ถ้าเราใช้ไฟหน้ารถไม่เหมาะสม คือ แสงไฟหน้ารถเราไปแยงตาคันที่ขับฝั่งตรงข้าม จะใช้การกระพริบไฟสูงเตือนเรามานะครับ เราก็ควรปรับไฟหน้ารถมาเป็นไฟต่ำด้วยนะครับ
เมื่อเราขับขี่อยู่ในเมืองและบางช่วงถนนยังเป็นเลนส์ที่ขับสวนกันอยู่ เราจึงต้องระวังความสว่างของไฟหน้ารถเราจะไม่ไปรบกวนสายตาของรถในเลนส์ฝั่งตรงข้ามครับ
การใช้ไฟหรี่ของรถยนต์นิยมใช้ตอนที่มองเห็นไม่ชัดเจนนัก แต่ไม่ต้องใช้แสงเยอะ ไม่งงนะครับ โดยปกติแล้วจะอยู่ด้านข้างของไฟหน้ารถเรามักจะใช้เมื่อเราต้องการแสงสว่างของแผงควบคุมรถตอนอยู่ในที่จอดรถ, ขับรถในอุโมงค์หรือตอนที่เราจอดรถอยู่แล้วต้องการเปิดไฟทิ้งไว้
เราสามารถเปิดไฟหรี่ได้ตอนที่แสงสว่างภายนอกเริ่มน้อยลง, เริ่มมองเห็นภายในรถตัวเองไม่ชัดก็ได้เช่นเดียวกันครับ เน้นไปที่ความปลอดภัยในการขับขี่เป็นหลักนะครับ
ไม่นิยมใช้หากไม่จำเป็นจริง ๆ การใช้ไฟตัดหมอกนั้น เราจะใช้เมื่อเราเริ่มมองไม่เห็นพื้นผิวของถนนที่เราขับขี่ เช่น พบหมอกบนพื้นถนนเนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนหรือเมื่อเราขับขี่รถยนต์ไปเจอฝนตกหนัก ไฟตัดหมอกจะช่วยให้เรามองเห็นทางข้างหน้าระยะใกล้ได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรใช้พร่ำเพื่อนะ
หรือหลายคนที่เป็นมือใหม่หัดขับน่าจะเคยเจอการเปิดไฟผิดกันมาบ้าง (frank ก็เป็นครับตอนขับรถกลางคืนคนเดียวครั้งแรกในชีวิต เปิดไฟหน้าแล้วทำไมไฟไม่ว่างเลยฟระ) คือ เปิดไฟหรี่แทนเปิดไฟหน้าซะงั้น ฮ่า…..า กรุณาเปิดคู่มือรถยนต์อ่านให้เข้าใจก่อนออกถนนคนเดียวนะครับว่าปุ่มควบคุมต่างๆ ในรถของเราอยู่ตรงไหน เปิดไฟอะไรที่ตรงไหน เพื่อความปลอดภัยครับของคุณและเพื่อร่วมทางครับ เนื่องจากไฟหน้ารถยนต์แต่ละรุ่นไม่เหมือนกันล่ะ
เป็นไฟที่แสดงว่าเราได้ทำการเปิดระบบไฟฟ้าในรถแล้ว เพื่อให้รถคันที่ขับตามมากะระยะห่างในการขับขี่ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย ซึ่งก็มีรูปแบบหรือความล้ำที่ต่างกันไปตามแต่ละรุ่นหรือยี่ห้อรถยนต์
เป็นสัญญาณไฟที่ช่วยให้เราบอกทิศทางในการควบคุมรถให้รถคันที่ขับตามเรามารู้ว่าเราต้องการจะไปทิศไหน เพื่อทั้งชะลอความเร็ว หากขับรถก็อย่าลืมเปิดไฟเลี้ยวบอกทางกับเพื่อนร่วมถนนด้วยนะครับ
หากเราเปิดไฟเลี้ยวฉุกเฉินซ้ายขวาพร้อมกัน หรือเปิดไฟฝ่าหมาก เป็นการสื่อสารกับผู้ขับขี่ท่านอื่นว่า "เรามีเหตุฉุกเฉิน" เช่น จำเป็นต้องเบรกกะทันหัน จอดรถอยู่ข้างทาง หรือในรถมีคนเจ็บที่ต้องการนำส่งโรงพยาบาล ย้ำตรงนี้เลยนะครับว่า ไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินระหว่างขับรถฝ่าฝนตกหนักนะครับ อาจทำให้เกิดอุบัติเหุตได้ เพราะรถคันที่ขับตามมาจะเข้าใจว่ารถของคุณกำลังจะเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา (เพราะเห็นไฟไม่ชัดเจนได้) สรุปว่า ควรใช้ไฟเลี้ยวให้ถูกต้องช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
ไฟถอยหลังก็ใช้ตามสถานกรณ์เลยครับ คือ เมื่อคุณต้องการถอยหลังนั่นเองเพียงแต่รถแต่ละรุ่นอาจจะมีไฟท้ายที่ต่างกันไปบางรุ่นอาจจะมีไฟท้ายแค่ดวงเดียวและเป็นสัญลักษณ์สากลที่ไฟถอยหลังเป็นสีขาวเมื่อคุณเข้าเกียร์ถอยหลังนะครับ รถบางคันอาจจะมีไฟถอยแค่ดวงเดียว ดังนั้น ขับขี่ก็ต้องสังเกตให้ดีนะจ้ะ
นอกจากการขับขี่เราจะต้องเว้นระยะปลอดภัย และอย่างที่ทราบว่าไฟเบรครถจะติดเมื่อคุณเหยียบเบรคเพื่อชะลอความเร็วของรถ เป็นสัญญาณไฟท้ายสีแดงที่ให้รถคันหลังที่ตามมาทราบว่า รถคันนั้นชะลอความเร็ว หรือกำลังจะหยุดรถครับ
ในรถบางรุ่นนอกจากมีไฟตัดหมอกหน้าแล้ว ยังมีไฟตัดหมอกหลังด้วยซึ่งวัตุประสงค์หลักก็เพื่อให้รถคันที่ขับตามคุณมาทราบว่า ด้านหน้ามีรถขับอยู่และสภาพพื้นผิวถนนเป็นอย่างไรและควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ให้มากขึ้น
ส่วนการดูแลรักษานั้นก็ไม่ยากเลยครับ เราเพียงแค่
ก่อนที่จะเปลี่ยนไฟในครั้งหน้าอย่าลืมศึกษาข้อกฎหมายจราจรที่เกี่ยวกับการใช้ไฟส่องสว่างก่อนด้วยนะครับ ตามพ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 กฎกระทรวงฉบับที่ 2 สรุปสั้นๆ ว่าเราสามารถใช้สีขาวหรือสีเหลืองเท่านั้น ส่วนเรื่อง กำลังไฟ ระยะห่างและองศาหรรือมุมนั้นให้ทำ พ.ร.บ.กำหนดไว้ครับ
Credit: car.kapook.com, www.motorward.com, www.komchadluek.net, www.aeb.in.th, www.ratchakitcha.soc.go.th