ใครล่ะที่ชอบตื่นเช้า วิ่งเจ้นมาทำงานแถมที่กองอยู่ข้างหน้าเหมือนเดิมทุกวัน ช็อปปิ้งหมดไปแต่ละครั้งก็เหมือนทำงานไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมา เหนื่อยไหมครับ? หากคุณลองมองเป้าหมายใน 2 ปีข้างหน้าคุณเห็นอะไร นั่นก็คือเส้นทางที่คุณจำเป็นต้องปูทางตั้งแต่วันนี้ สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราที่ต้องหาเช้ากินค่ำ หรือแม้แต่ ต้องใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือนแล้ว สิ่งที่จะทำให้เรามีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และยามเกษียณก็คงหนีไม่พ้นการเก็บออม และการลงทุนในรูปแบบต่างๆ หลากหลายกองทุน ซึ่งการลงทุนนี้ก็มีไว้เพื่อเป้าหมายระยะยาวของคุณนั่นเอง
การออมทรัพย์หรือการฝากประจำ เป็นการลงทุนแบบพื้นฐานที่ดีที่สุด ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มออมเงิน แฟรงค์อยากแนะนำให้ออมในบัญชีที่ไม่มีบัตรเดบิตไว้ เพราะนี่จะช่วยป้องกันการกดเงินใช้ของคุณ เพียงเริ่มบัญชีใหม่สำหรับการออมเงินโดยเฉพาะ การฝากประจำนั้นจะยังสร้างวินัยในการออมได้ดีอีกด้วยครับเช่น ฝากประจำระยะยาว หรือบัญชีเงินฝากระยะยาว นั้นเราสามารถกำหนดได้ว่า เราอยากฝากกี่เดือน ซึ่งมีให้เราเลือกตั้งแต่ 3,6,12,24 เดือนเป็นต้นครับ ถามว่าเราจำเป็นต้องฝากเดือนละเท่าไหร่ดี แฟรงค์แนะนำให้คุณ "ออมเงินเป็นจำนวน 30% ของเงินเดือนที่คุณได้รับ แต่หากคุณจำเป็นต้องใช้จ่ายหนี้สินหรืออย่างอื่น ต่ำสุดก็คือ 20% ของเงินเดือน" ระหว่างการออมเงินนี้หากคุณต้องการเห็นเลขเงินออมที่ดูสวยงามก็พยายามห้ามกดออกมาใช้ก่อนนะครับ ซึ่งข้อดีของการฝากระยะยาวนี้คือ หากคุณยิ่งฝากเงินเข้าไปมากเท่าไหร่ก็จะได้รับดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นสูงตามจำนวนเงินในทุกเดือน การฝากอีกแบบที่คุณทำได้คือการโอนเงินอัตโนมัติเข้าไปในบัญชีฝากของคุณเพื่อกันหรือและรักษาความสม่ำเสมอในการฝาก
หลายคนคงต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแน่นอนครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราทำงานประจำ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็คือ การที่ลูกค้าได้จ่ายเงินเข้ากองทุน 2-15% (เงินสะสม) และ นายจ้างได้ร่วมจ่ายเข้ากองทุนไปอีก 15% (เงินสมทบ) ซึ่งตามกฎหมายก็คือ นายจ้างจำเป็นต้องจ่ายมากกว่าเงินสะสมของลูกจ้างเท่านั้น หลังจากนั้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนก็จะนำเงินก่อนนั้นไปลงทุนทางการเงินและจ่ายเฉลี่ยกลับมาเป็นดอกเบี้ย หรือผลตอบรับที่ได้แก่นายจ้างและลูกจ้าง โดยบริษัทส่วนมากมักจะมีให้เราเลือกสวัสดิการสำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพครับ ซึ่งเป็นการบังคับว่าหากพนักงานเก็บออมและร่วมลงทุนกับทางบรืษัท ก็เพื่อให้พนักงานในบริษัทมีเงินสำรองไว้ใช้ยามเกษียณ หรือยามลาออกนั่นเองครับ ซึ่งจุดเด่นของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นคือ เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้บริษัทตัดเงินเดือนเราเท่าไรเพื่อนำเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งตามปกติจะเลือกได้ที่ 2-15% ครับ
ในทุกปี เราต้องยื่นภาษีและลดหย่อนภาษี "LTF RMF" กันใช่หรือเปล่าครับ หากคุณเป็นพนักงานประจำก็คงจำเป็นต้องเสียภาษีทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งบางคนก็อาจะยังไม่แน่หากเราควรซื้อหรือไม่ควรซื้อดีนะ?
เป็นกองทุนที่เน้นหุ้น 65% ของมูลค่ากองทุน ส่วนตัวของ LTF นี้จะทำให้ตลาดหุ้นมีสภาพคล่องมีความเสถียรภาพมากขึ้นเพื่อลดหย่อนภาษี ทั้งนี้กองทุนรวมประเภท LTF RML สามารถเลือกจ่ายเงินปันผลหรือไม่จ่ายเงินปันผลก็ได้ เงื่อนไขที่สำคัญของ LTF นั้นคือคุณจำเป็นต้องถือหุ้น LTF มากถึง 7 ปีเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีกันต่อไป
เป็นกองทุนระยะยาวเหมาะกับช่วงเกษียณอย่างมาก ข้อดีของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพก็คือ เราสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้ตามสภาวะเศรษฐกิจ และยืดหยุ่นตามความต้องการแต่ละช่วงเวลา ซึ่ง RMF คุณจำเป็นต้องลงทุนทุกปีไปเรื่อยแม้แต่ตอนเกษียณซึ่งขั้นต่ำก็คือ 3% ของเงินที่ได้ในปีนั้น หากต้องการเทียบค่าลดหย่อนภาษีจะคำนวณได้จาก เงินทุน RMF + กองทุนเลี้ยงชีพ/กบข. + ประกันชีวิตบำนาญ ทั้งหมดรวมกันจะต้องไม่เกิน 15% ของจำนวนเงินที่คุณต้องเสียภาษี หรือ ไม่เกิน 500,000 บาทนั่นเอง
3 วิธีการออมนี้ เหมาะเป็นพื้นฐานสำหรับพนักงานออฟฟิศครับ เพราะเป็นทั้งบัญชีเงินฝากและกองทุนที่มี่ความเสี่ยงน้อย แต่ก็ได้ค่าตอบแทนที่พอให้เราดีใจเมื่อเราถอนออกมาหรือขายกองทุนออกมาครับ และหากสนใจในเรื่องของประกันสุขภาพเพื่อการลดหย่อนภาษี สามารถเข้ามาดูได้ แค่คลิกที่นี่ ครับ หรือสอบถามได้ทาง Line@ : @masii ครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก www.masii.com