ปรับโหมดจากเพนกวินรู้เฟื้องเรื่องประกัน มาบอกเล่าเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ กันบ้งครับ กับคำแนะนำเบื้องต้นหากคุณต้องการการรีไฟแนนซ์บ้าน ก็ต้องรู้ก่อนว่าควรจะรีไฟแนนซ์ตอนไหน ? และเมื่อไหร่ ? พร้อมกับศึกษาเบื้องต้นว่า ควรจะต้องรู้อะไรก่อนขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์
การรีไฟแนนซ์บ้าน อธิบายง่าย ๆ ตรงไปตรงมา คือ เป็นการชำระเงินกู้ปัจจุบันแบบโป๊ะให้หมด และรับเงินกู้ก้อนใหม่ โดยใช้สินทรัพย์บ้านเป็นหลักประกัน ช่วยลดภาระผ่อนจ่ายบ้านได้เป็นอย่างดี ดังนั้น “การรีไฟแนนซ์บ้านจะต้องเป็นการกู้เงินที่ทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด” เช่น
สำคัญกว่าใครในการพิจารณา Refinance บ้านคือเราจะต้องประเมินกำลังทรัพย์ให้เหมาะสมผ่อนจ่ายไม่หนักเกินไป พร้อมกับมองหาดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) แบบไม่ปรับเพิ่มระหว่างผ่อนจ่าย จะช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก ๆ
Frank Box: ดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่คงที่ตลอดอาุยสัญญาเงินกู้ เช่น ดอกเบี้ย 8% ตลอด 30 ปี เป็นต้น
เพราะการรีไฟแนนซ์บ้านเป็นช่วยลดภาระปิดยอดหนี้ก้อนโตตอนนี้ โดยเราอาจจะได้รับเงินส่วนต่างที่ต้องผ่อนจ่ายนานขึ้น แปลง่าย ๆ คือ เราต้องเป็นหนี้นานขึ้น ! และอาจจะมีเงินส่วนต่างเหลือจากยอดหนี้คงค้างเดิมให้เรานำไปใช้จ่ายได้ (ค่างวดเก่า - ค่างวดใหม่) จะต้องประเมินกำลังทรัพย์ให้ดี ร่างรายการรายรับรายจ่ายออกมาเลยครับ เพื่อดูว่าจ่ายเท่าไหร่ถึงจะไม่ตึงมือ ดังนั้น ตรวจสอบธนาคารให้ดีก่อนรีไฟแนนซ์
อาจจะ งง ๆ และสงสัย ไหนบอกว่าการรีไฟแนนซ์บ้านจะมีวงเงินส่วนต่างที่เหลือจากการขอรีไฟแนนซ์ เพนกวินแฟรงค์คงต้องอธิบายว่า การขอรีไฟแนนซ์บ้านยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของแต่ละธนาคารอยู่ครับ เช่น ค่าปรับเงินกู้ก่อนกำหนดสัญญา ประมาณ 2-3% รวมทั้งค่าจัดการสินเชื่อใหม่ และค่าธรรมเนียมการจำนอง ค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าทำประกันอัคคีภัย และค่าอากรแสตมป์ เป็นต้น ตรงนี้เราต้องดำเนินเรื่องนะครับ
ย้ำทั้งบทความกันตรงนี้เลยครับว่า “รีไฟแนนซ์บ้านต้องไม่สร้างหนี้เพิ่มให้เรา” ควรคำนวณให้ดีก่อนเลือกขอสินเชื่อเพื่อบ้านอีกครั้งนะครับ ตรงนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่าคุณแน่ ๆ ดังนั้น คำนวณให้ดี ปรึกษาธนาคารชั้นนำ หรือคิดค่าใช้จ่ายของเราก่อนตัดสินใจทำเพื่อความคุ้มค่าสูงสุด แนะนำว่าใช้เวลาในการพิจารณา Refinance บ้านให้ดี
ก่อนจบบทความนี้ไป ข้อสำคัญที่อยากบอกเลยครับ คือ อย่านำเงินที่เหลือจากการรีไฟแนนซ์บ้านไปใช้สุรุ่ยสุร่าย แนะนำให้เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นเท่านั้น ควรแบ่งสรรปันส่วนไว้ซ่อมแซมบ้าน หรือเก็บไว้ใช้จ่ายค่างวดบ้านจะดีที่สุดครับผม จะทำให้การรีไฟแนนซ์บ้านมีประโยชน์สูงสุดกับเรานั้นเอง ด้วยรักและห่วงใยจาก Frank
ขอบคุณข้อมูล:
Content by Butter Cutter