มี่เรื่องมาเล่าให้ฟังครับ Frank จอดติดไฟแดงอยู่ดีๆ โดนพี่แท็กซี่พยายามจะเปลี่ยนเลนมาเฉี่ยวท้ายรถซะงั้น และที่สำคัญ Frank ต้องใช้รถทำงานทุกวันซะด้วยซิ....ดีนะที่จำได้ว่าเราสามารถเรียก "ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม" จากประกันของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดได้ซึ่งประโยชน์ดีๆ แบบนี้เอาตรงๆ นะครับ Frank ไม่ค่อยได้ยินบริษัทประกันที่ไหนบอกเรา เลยอยากสรุปให้เพื่อนๆ อ่านกันครับ เผื่อกรณีเอารถเข้าซ่อมจะได้ไม่ลำบากเรื่องการเดินทางโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ตกทุกเย็นตอนเลิกงานซะด้วยซิ
เงินชดเชยที่เราสามารถเรียกร้องได้จากบริษัทประกันรถของคู่กรณี หรือจากคู่กรณีที่เราประสบเหตุโดยที่เราเป็นฝ่ายถูก เช่น ค่าเดินทางที่เราต้องนั่งแท๊กซี่ไปทำงานระหว่างซ่อมรถตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ด้วยการยื่นเรื่องพร้อมเอกสารไปยังบริษัทประกันภัยเพื่อรับค่าเดินทางระหว่างซ่อมรถ เพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ที่เราควรจะได้รับในระหว่างเอารถเข้าซ่อมครับ
Frank เองเพิ่งเคยได้ยินเมื่อไม่นานมานี้เองเมื่อได้เข้าสู่วงแวดวงการประกันภัย ส่วนสาเหตุที่รู้จักคำนี้ก็เพราะเพื่อนสนิทเพิ่งไปเจออุบัติเหตุโดนรถแท็กซี่ชนท้าย จนทำให้รถของเขาใช้งานไม่ได้ไปเกือบเดือน เรียกได้ว่าน้องๆ โคม่าเลยครับ ต้องเอารถเข้าซ่อมโดยด่วนและเมื่อเพื่อนมาเล่าปัญหาให้ฟัง Frank ก็ต้องทำหน้าที่ของเพื่อนให้ดีที่สุดซิครับ เลยให้คำแนะนำเพื่อนไปว่าประกันรถยนต์ที่ซื้อไปน่ะครอบคลุมเรื่องนี้ด้วยนะ เพื่อนงงเลยครับ?? เพราะไม่เคยทราบมาก่อนว่าคืออะไร? เรียกคืนค่าขาดประโยขน์ระหว่าซ่อมรถได้ด้วยเหรอ? มาครับเดี๋ยว Frank เล่าให้ฟังแบบไม่มีหมกเม็ด
ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถนี้จะใช้ได้เมื่อเราเป็นฝ่ายถูกเมื่อเกิออุบัติเหตุนะครับ บริษัทประกันภัยส่วนมากแทบจะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้นัก แต่ในฐานะของผู้ที่ซื้อประกันรถทุกปีอย่างเราสิทธิประโยชน์ดีๆ แบบนี้พลาดได้ไงครับควรต้องรู้เลยฮะ ไม่ว่าคุณจะทำประกันรถภาคสมัครใจชั้นใดก็ตาม เมื่อเกิดเหตุขึ้นโดยที่เราเป็นฝ่ายถูกและเราต้องเอารถเข้าซ่อมทำให้ในระหว่างนั้นเราไม่มีรถใช้งาน เราสามารถเรียกเงินชดเชยจากบริษัทประกันรถของรถคู่กรณีหรือจากคู่กรณีที่เราประสบเหตุ ได้ครับ เช่น ค่าเดินทางระหว่างซ่อมรถที่เราต้องนั่งแท๊กซี่ไปทำงานโดยประมาณตามความเป็นจริงพร้อมมีเอกสารแนบให้ครบที่สุดเพื่อความราบรื่นรวดเร็วในการได้รับเงินชดเชย ไม่งั้นอาจจะต้องไปหลายรอบแน่ครับ
เงินชดเชยค่าที่เราจะสามารถเรียกร้องจากบริษัทประกันรถของคู่กรณี หรือจากคู่กรณีที่เราประสบเหตุในระหว่างที่เราต้องเอารถเข้าซ่อม
ที่พร้อมสำเนาเอกสารไว้ด้วย ซึ่งต้องระบุวันที่เราติดต่อซ่อมรถกับอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการให้ชัดเจนนะครับ
เอกสารที่เจ้าหน้าที่เคลมประกันออกให้เราเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะระบุไว้ชัดเจนว่ารถเสียหายตรงไหนบ้าง และเราเป็นฝ่ายถูก
หน้าแรกกรมธรรม์ประกันภัยของเรา เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วยนะครับ
สมุดทะเบียนรถยนต์เล่มสีน้ำเงินที่ระบุวันจดทะเบียน และกรรมสิทธิ์ ชื่อเจ้าของรถยนต์ ซึ่งควรต้องเป็นชื่อเราที่เป็นคนเรียกร้องครับ
พร้อมเซ็นต์เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วยนะครับ
ขอย้ำว่าต้องระบุวันที่เรารับรถซ่อมรถเสร็จไว้อย่างชัดเจน
ส่วนนี้ขอได้จากอู่รถยนต์ที่เราเอารถเข้าซ่อมซึ่งต้องถ่ายรูปไว้ทุกขั้นตอน หรือถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการเรียกค่าสินไหมได้ว่าซ่อมตรงไหนยังไงบ้าง และใช้ระยะเวลาเท่าใดในการซ่อม รวมถึงรูปถ่ายของอู่รถยนต์หรือศูนย์บริการที่เรานำรถเข้าซ่อมด้วย
ซึ่งก็คือจดหมายแจ้งเรื่องนั่นเองครับ หาตัวอย่างได้จากกูเกิลหรือตัวอย่างฟอร์มการเขียนจดหมายทางการก็ได้ครับ เพื่อแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดพร้อมระบุการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถให้ชัดเจนครับ
หน้าบุ๊กแบงก์หรือสมุดบัญชีธนาคารของเราเองที่ต้องการให้บริษัทประกันโอนเงินเข้าบัญชี เตรียมไว้ก่อนเลยครับ ส่วนมากแล้วถ้าบริษัทประกันได้รับเอกสารครบถ้วนแล้วจะทำการพิจารณาให้เลย อย่าลืมถามด้วยนะครับว่าใช้เวลาดำเนินการประมาณกี่วัน กี่อาทิตย์ เพื่อที่เราจะได้ตามเรื่องได้อย่างต่อเนื่อง
จะได้ตามเรื่องถูกคน ไม่งั้นเรื่องอาจจะเงียบไปได้และบางคนก็อาจจะเกิดความรู้สึกท้อแท้ รอคอยอย่างยาวนานในขั้นตอนการเรียกร้อง หรือพาลคิดว่าช่างมันไม่เอาก็ได้อะไรแบบนี้ Frank อยากบอกว่ามันคือสิทธิ์ของเราเองนะครับ และในเมื่อเราไม่ได้เป็นผู้ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือเป็นฝ่ายผิดแต่ต้องมาจ่ายค่าเดินทางที่เกิดขึ้นระหว่างซ่อมรถก็ดูกระไรอยู่นะฮะ
เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางไปติดต่อหลายๆ รอบจนทำให้เราเกิดความหงุดหงิด หรือเกิดอารมณ์ขี้เกียจจนสุดท้ายก็ล้มเลิกไปในที่สุด และทำสำเนาเรื่องทั้งหมดเก็บไว้ที่ตัวเราด้วยนะครับ เผื่อการโทรตามเรื่องและต้องมีการอธิบายเพิ่มเติมเราจะได้ทำได้ทันที แต่ทำใจไว้ด้วยนะครับว่าเงินชดเชยที่ได้รับนั้นอาจไม่ใช่ตามที่เราแจ้งเรื่องไปทั้งหมดอาจจะได้ซัก 70-80% ของที่เราแจ้งไป
จากเคสของเพื่อน Frank ก็ได้รับการประสานงานที่ดีจากบริษัทประกันภัยที่ไปติดต่อ และได้รับค่าขาดประโยชน์ประหว่างซ่อมรถกลับคืนมาประมาณ 80% ของเรื่องที่เรียกร้องไป เพราะงั้นแค่เตรียมเอกสารให้พร้อม และเผื่อเวลาเข้าไปทำเรื่องติดต่อด้วยตัวเองที่บริษัทประกันเราก็จะได้ค่าขาดประโยชน์ที่เป็นค่าเดินทางระหว่างซ่อมรถแล้วล่ะฮะ
นอกจากเพื่อนของ Frank แล้วยังมีตัวอย่างของเพื่อนๆ ที่ได้แชร์ประสบการณ์ "เรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ" จาก 3 บริษัทประกันภัยใน pantip ให้เราได้รู้จากประสบการณ์จริงตรงๆ กันด้วยนะครับ