“โรคเบาหวาน” ถือเป็นหนึ่งโรคร้ายแรงยอดฮิตของคนไทย ที่เกิดมากขึ้นในแต่ละปี สาเหตุก็มาจากพฤติกรรมการกินอาหารแบบตามใจปาก และไม่ดูแลตัวเอง แต่ใช่ว่าวิธีการควบคุมน้ำตาลจะเป็นเรื่องยากเสมอไปนะ หากเรารู้จักรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างผักสมุนไพร ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันโรคเบาหวานได้ วันนี้เพนกวิน Frank จึงขอนำเสนอสมุนไพร 10 ชนิดต้านโรคเบาหวานมาฝากทุกคนด้วย แล้วสมุนไพรบางชนิดเรายังกินบ่อยด้วยนะ แต่จะมีอะไรบ้าง? ลองมาอ่านเลย
เคยได้ยินคำว่า “หวานเป็นลมขมเป็นยา” ไหม? สำหรับถ้าใครที่อยากจะทานสมุนไพรที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ก็ต้องยกให้ “มะระขี้นก” เป็นอันดับหนึ่ง ถึงแม้จะมีรสชาติขมแต่สารซาแรนติน (Charantin) ที่อยู่ในตัวมะระขี้นก มันจะช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ถ้าใครเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานแนะนำให้ลองนำมะระขี้นกไปต้มในน้ำเดือด แล้วใส่เกลือเพียงเล็กน้อย เพื่อลดความขมจะกินเป็นผักจิ้มหรือนำมาแกงอาหารก็ได้
ข้อควรระวัง : ห้ามรับประทานมะระขี้นกที่ขมจัด หรือมะระขี้นกที่เริ่มสุกแล้ว เพราะจะทำให้ตับทำงานหนัก สำหรับสตรีมีครรภ์ เด็กหรือผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำไม่แนะนำทาน
ตามด้วย “ผักตำลึง” ที่ขึ้นชื่อด้านการทำอาหาร จำพวกแกงจืดหรือก๋วยเตี๋ยวมากที่สุด ถือเป็นผักสมุนไพรที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวานโดยเฉพาะ เพราะใบตำลึงจะมีสารเพกทิน (Pectin) ที่ช่วยเผาผลาญน้ำตาลกลูโคสอยู่แล้ว เพียงแค่ใช้เถาแก่ของตำลึงประมาณ 1 กำมือ หลังจากนั้นล้างให้สะอาดแล้วต้มน้ำ ก็สามารถนำมาแกงอาหารได้ตามใจชอบ
นอกจากถั่วเหลืองจะมีโปรตีนสูงแล้ว ยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยเฉพาะใครที่ต้องการลดน้ำหนักนะ แนะนำให้ลองดื่มนมถั่วเหลือง (สูตรปราศจากน้ำตาล) ก่อนมื้ออาหาร 30 นาที มันจะช่วยดูดซึมอาหารจำพวกแป้งให้น้อยลง ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น แล้วสามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูง หรือโรคอ้วนที่ตามมาด้วย
หมายเหตุ : ทั้งนี้การเก็บถั่วเหลืองจะต้องไม่นานเกินไป ควรสดใหม่อยู่เสมอ รวมถึงสตรีที่กำลังให้นมบุตร ก็ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม
ใครบอกว่า “ใบกระเพรา” ไม่มีประโยชน์!! ใบกระเพราถือเป็นสมุนไพรที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ดีเลย ทั้งขับลม แก้จุกเสียด หรือแน่นท้องแล้ว ใบกระเพราก็ยังมีคุณสมบัติ ป้องกันโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน และภาวะไขมันในเลือดสูงด้วย แต่เราก็ต้องเลือกผักออร์แกนิก (Organic) แบบปลอดสารพิษนะ รวมถึงการปรุงอาหารให้ถูกหลักอนามัย
“เห็ดหลินจือ” นับว่าเป็นราชาแห่งสมุนไพรจีนเลย เป็นยารักษาโรคชั้นเลิศที่มีสรรพคุณบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ต้านโรคมะเร็ง และมีสารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน เปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานแก่ร่างกาย จนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดลง หากใครที่อยากจะลองทานแนะนำให้ใช้ดอกเห็ดหลินจือหั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วต้มในน้ำเดือดสัก 10-15 นาที พอเสร็จแล้วก็สกัดดื่มเป็นน้ำ หรือจะลองทำเป็นเมนูสุขภาพ อย่างเช่น ข้าวต้มเห็ดหลินจือ ข้าวผัดเห็ดหลินจือ และเห็ดหลินจือทรงเครื่องได้
หลายคนอาจจะชอบดื่มชาเขียวเป็นประจำอยู่แล้ว แต่คุณรู้หรือไม่ว่า? ชาเขียวจะมีสารโพลีฟีนอลสารต้านอนุมูลอิสระด้วยนะ มันจะช่วยผลิตฮอร์โมนอินซูลินในตับอ่อน และดูดซับน้ำตาลกลูโคส แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ควรดื่มชาเขียวในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะมีสารคาเฟอีนเหมือนกับกาแฟทำให้นอนหลับยาก หรือถ้าใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ ลองอ่านวิธีช่วยให้นอนง่ายหลับสบายมากขึ้นกันก่อน จะช่วยให้ร่างกายเราผ่อนคลายมากขึ้น
หลายคนอาจจะมองว่า กระเทียมไม่น่าจะใช่วิธีการควบคุมน้ำตาลหรือป้องกันโรคเบาหวาน แต่ความเป็นจริงแล้วกระเทียมก็มีสรรพคุณต่อต้านเบาหวานได้ดีไม่แพ้กันเลย เพราะจะมีสารอัลลิซินช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและไขมัน แนะนำให้รับประทานเล็กน้อยสัก 5-7 กลีบ หรือลองนำมาเป็นส่วนประกอบอาหารก็ดี เพราะกระเทียมจะค่อนข้างมีกลิ่นฉุนกรณีรับประทานมากๆ
ข้อควรระวัง : ไม่ควรรับประทานกระเทียมสดขณะท้องว่าง อาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และไม่ควรรับประทานร่วมกับยา รวมถึงเด็ก สตรีมีครรภ์ไม่แนะนำเช่นกัน
เมื่อพูดถึงสมุนไพรไทยอย่าง “ว่านห่านจระเข้” เราก็จะนึกถึงการรักษาแผลสด แผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวกเป็นหลัก แต่ผลการวิจัยบางแห่งก็พบว่า ว่านหางจระเข้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดน้ำตาลสะสมในร่างกายด้วย เนื่องจากมีสารโพลีแซคคาไรด์ที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งของอินซูลิน สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ เพียงแค่ตัดเนื้อว่านหางจระเข้มาทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (ไม่ผสมกับน้ำตาล) แล้วนำมารับประทานในปริมาณที่พอดี
แต่ในกรณีผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรดื่มน้ำว่านหางจระเข้ หรือดื่มมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ แล้วที่สำคัญระวังการปนเปื้อนของยาง จึงต้องล้างวุ้นให้สะอาดก่อนรับประทานทุกครั้ง
ถ้าใครที่กำลังหาวิธีควบคุมน้ำตาลในเลือด บอกเลยว่าฝักทองจะเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับคุณเลย เพราะฝักทองมีคุณสมบัติเผาผลาญระดับน้ำตาลและการทำงานของอินซูลิน ดังนั้น เราก็สามารถนำฟักทองมาหั่นเป็นเนื้อ อาจจะเหลือเปลือกบางๆ หน่อย แล้วนำมาประกอบอาหารหรือนึ่งกิน ก็ฟินไม่แพ้กันครับ แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย
สุดท้ายแล้วสมุนไพรพื้นบ้านอย่าง “ใบเตย” ก็เป็นอีกวิธีควบคุมน้ำตาลเช่นกัน ไม่ว่าจะนำมาสกัดประกอบอาหาร ทำเครื่องดื่มเย็นๆ หรือช่วยดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ทำได้ รวมถึงส่วนประกอบของต้นและรากใบเตยจะมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวานและน้ำตาลในเลือดได้อย่างดีเยี่ยม โดยนำใบเตยไปต้มน้ำจนสุกแบบไม่ต้องเติมน้ำตาล หลังจากนั้นก็นำมาดื่มเป็นประจำเช้า-เย็น มันจะช่วยรักษาโรคเบาหวาน ยิ่งถ้าวันไหนคุณรู้สึกเหนื่อยๆ ก็สามารถหยิบออกจากตู้เย็นมาดื่มให้สดชื่นได้
เมื่อรู้วิธีควบคุมน้ำตาลในเลือดแล้ว ก็ลองนำสมุนไพรมาทานกันดูนะ มันจะช่วยลดน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวานได้ แต่ถึงอย่างไรก็ควรทานในปริมาณที่พอดี พร้อมออกกำลังกายกันด้วยนะ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณในระยะยาว หรือถ้าใครยังห่วงเรื่องสุขภาพที่ไม่แน่นอน ก็สามารถทำประกันสุขภาพเอาไว้ก่อนก็ดี อย่างน้อยเวลาคุณเจ็บป่วยก็มีคนคอยช่วยดูแล ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง รวมถึงค่าห้อง ค่าอาหาร และค่ารถพยาบาลเฉพาะ ก็หมดห่วงไปเลย มีความคุ้มครองให้เลือกที่เหมาะสมกับคุณ
แหล่งที่มา : www.honestdocs.co