เรื่องการออมเงินนั้นเราต้องยอมรับความจริงเลยครับ ว่าประเทศเรายังขาดการให้ความรู้และส่งเสริมแบบต่อเนื่องให้กับเด็กๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าจะกลายเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตของบ้านเรา และด้วยการเลี้ยงดูของหลายบ้านที่พ่อแม่ยังให้ค่าขนมลูกๆ จนกว่าพวกเขาเข้าสู่วัยทำงาน ทำให้เด็กๆ เราขาดความกระตือรือร้นในการหารายได้และขาดความรู้เรื่องการเก็บออม
frank จึงอยากเล่าเรื่องนิสัยการใช้เงินและการเก็บออมที่น่าสนใจของ 2 ชาติที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีนิสัยออมเงินที่น่าสนใจมากที่สุดในโลกให้ฟังครับ ทั้ง 2 ประเทศนี้ได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กลายเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางการเงินแบบแถวหน้าในระดับโลก ซึ่งจะทำให้เราได้คิดมากขึ้นและนำมาสอนลูกหลานเราได้เช่นกัน
ทำไม frank ถึงอยากจะเล่าถึงนิสัยการออมเงินของชนชาตินี้ก็เพราะว่า พวกเขาเป็นประเทศผู้แพ้สงครามในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่สามารถพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งจนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทั้งในด้านของอุตสาหกรรม และในด้านการศึกษาอย่างที่เราเห็นว่าเป็นประเทศผู้นำในกลุ่ม EU อยู่ในขณะนี้
อีกหนึ่งประเทศที่ frank มองว่าน่าสนใจเช่นกันคือ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่สองเช่นกันครับ ประเทศนี้มีความน่าสนใจทั้งเรื่องของแนวคิดในการทำงาน ขึ้นชื่อเรื่องการวางแผนระยะยาว และการออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณเช่นกัน
ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ต้องเจอกับภัยธรรมชาติรุนแรงหลายครั้ง ทำให้พวกเขาไม่ประมาท และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้จ่ายยามฉุกเฉินตลอดเวลา ชาวญี่ปุ่นจึงทำงานหนักและเน้นการประหยัดอดออมมาก ญี่ปุ่นเองมีโครงสร้างสังคมที่มีผู้สูงอายุจำนวนมากที่สุดในโลก ดังนั้น การวางแผนเรื่องของเงินบำนาญและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆ จึงทำได้ค่อนข้างดี frank ขอสรุปให้ฟังนะครับ
จากที่ frank ยกตัวอย่างมานั้น อยากให้เรามองย้อนดูนิสัยการออมเงินของเราเองเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และอย่าลืมว่ามีอายุการทำงานเหลืออีกกี่ปี
เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าตอนนี้เรามีเงินออมไว้สำหรับการดูแลสุขภาพตัวเองมากน้อยแค่ไหน? แล้วเพื่อความอุ่นใจมากขึ้น การซื้อประกันสุขภาพไว้ก็จะช่วยเซฟค่ารักษาพยาบาลในยามอนาคตได้ เสมือนเป็นการออมเงินเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงด้านสุขภาพของคุณนั่นเอง
frank เชื่อมั่นว่าเราเริ่มต้นได้เสมอนะครับสู้ยอมลำบากในวันนี้เพื่อความสบายใจในอนาคตกันเถอะครับ อ่านเรื่องเคล็ดลับเงินๆ ทองๆ ของ frank เพิ่มเติมได้เลยนะครับ