Bolttech Insurance Broker
LinePhone

น้ำตาลในเลือด ปกติควรอยู่เท่าไหร่?

รู้เท่าทันโรคเบาหวาน! น้ำตาลในเลือดปกติเท่าไหร่ และระดับแค่ไหนถึงป่วยเป็นโรคเบาหวาน? เพื่อประเมินความเสี่ยง โดยเฉพาะคนที่ชอบทานของหวานๆ ติดรสชาติหวาน หากทานสะสมบ่อยๆ อาจเป็นโรคเบาหวานไม่รู้ตัว นอกจากนี้ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาอย่างโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน

ระดับน้ำตาลในเลือดดูอย่างไร?

  • ระดับน้ำตาลในเลือด ปกติ อยู่ระหว่าง 70-100 อยู่ในภาวะปกติ 
  • ระดับน้ำตาลในเลือดเท่ากับ 100-125 มีภาวะความเสี่ยง หรือเรียกว่า เบาหวานแฝง 
  • ระดับน้ำตาลในเลือด มากกว่า 126 มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

กลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน

  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง มีรอบเอวเกิน 
  • ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง 
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน 
  • มีระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร 8 ชั่วโมงอยู่ระหว่าง 100-125 มก./ดล. 
  • มีไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง ระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL-C) ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ 
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด 
  • ผู้ที่มีประวัติการเป็นโรคเบาหวานตอนตั้งครรภ์ 
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี

อาการผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องสังเกต

อาการเบาหวาน ในระยะแรก บางคนอาจไม่แสดงอาการ ขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน แต่สำหรับผู้ที่มีโรคแทรกซ้อนอย่างเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงหรือโรคอ้วน ที่มักแสดงอาการชัดเจนและรุนแรงมากกว่า โดยอาการเบาหวานที่พบบ่อยมีดังต่อไปนี้ 

1. ปัสสาวะบ่อย

อาการเบาหวาน

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ไตจะไม่สามารถกรองน้ำตาลส่วนเกินกลับคืนสู่เลือดได้หมด ทำให้ปล่อยน้ำตาลออกมาพร้อมปัสสาวะ นั่นเป็นสาเหตุที่ผู้ป่วยเบาหวานปัสสาวะบ่อย เมื่อร่างกายเสียน้ำกับปัสสาวะมากไป อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ มีอาการคอแห้ง กระหายน้ำบ่อย 

2. รู้สึกหิวน้ำบ่อย อ่อนเพลีย

หิวน้ำบ่อย อ่อนเพลีย

หากร่างกายสร้างอินซูลินได้ไม่เพียงพอ หรือเซลล์ร่างกายไม่ตอบสนองต่อซูลินที่ร่างกายสร้างขึ้น ทำให้ผู้ป่วยหิวน้ำบ่อยๆ ง่วงนอน เหนื่อยง่ายกว่าปกติ บางรายก็รู้สึกหน้ามืด เป็นลมหมดสติได้ 

3. น้ำหนักลดโดยไม่ทรายสาเหตุ

น้ำหนักลด

ผู้ป่วยเบาหวานจะมีน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกเบื่ออาหาร เนื่องจากร่างกายไม่มีพลังงานจากน้ำตาล ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและกล้ามเนื้อแทน ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีร่างกายซูบผอมและไม่มีแรง หากน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 120 มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา 

4. แผลหายยาก ติดเชื้อตามผิวหนังง่าย

ติดเชื้อตามผิวหนัง

ติดเชื้อตามผิวหนังง่าย เกิดฝีบ่อย เนื่องจากภาวะน้ำตาลสูงทำให้เม็ดเลือดขาวที่กำจัดเชื้อโรคน้อยลง เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย และหายยากกว่าคนทั่วไป มีโอกาสแผลเรื้อรังนำไปสู่การถูกตัดนิ้วเท้า ขา หรือเสียชีวิตได้เลย 

5. ตาพร่ามัว

ตาพร่ามัว

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง และสะสมเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เส้นเลือดในจอตาเสียหาย โดยเลือดไม่สามารถไหลเวียนตามปกติ เกิดจากต้อกระจก หรือจอประสาทตาผิดปกติเนื่องจากโรคเบาหวาน หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ อาจทำให้ตาบอดในที่สุด 

6. ชาตามนิ้วมือและเท้า

เท้าชา

ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน มักเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ในร่างกาย เช่น มือ ขาและเท้า อาการเบาหวานที่พบบ่อยคือ อาการชาที่เริ่มชาจากปลายนิ้วเท้าก่อน แล้วค่อย ชาบริเวณหลังเท้าและขาทั้งสองข้าง นอกจากอาการชาที่เหมือนเป็นเหน็บแล้ว ความรู้สึกในการสัมผัสอาจน้อยลง บางทีไม่รู้สึกเลยก็เป็นได้

วิธีป้องกันโรคเบาหวานที่ดีสุด คือ เราต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้ค่าน้ำตาลปกติ อเลสเตอรอล ละน้ำหนักให้เป็นไปตามมาตรฐาน  ร้อมทานอาหารที่มีประโยชน์ ีกากใยสูง ลีกเลี่ยงทานอาหารที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก ช่น ้ำหวาน ้ำอัดลม ชานมไข่มุก นมเค้ก ดนัส ละของหวานอื่นๆ วมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ารสูบบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ่างไกลโรคเบาหวาน ดังนั้นเราควรตรวจสุขภาพประจำปี ช็คเบาหวานด้วยตัวเอง พื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและคัดกรองเบาหวาน ู้เท่าทันก่อนที่จะสายเกินแก้!!

ประกันสุขภาพ

Sleeping Blogger

Content Writer ผู้ที่รักงานเขียนเป็นชีวิตจิตใจ ชอบเล่าเรื่อง แชร์ความรู้ใหม่ๆ หรือไอเดียง่ายๆ ที่เป็นสไตล์ของตัวเอง อยากให้เพื่อนๆ สนุกไปด้วยกัน!

เชื่อมต่อ กับพวกเรา

รับข่าวสารล่าสุดและข้อเสนอโดยติดตามเราในช่องโปรดของคุณ
LineFacebook
Bolttech
บริษัท โบลท์เทค อินชัวร์นส์ โบรคเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ใบอนุญาตินายหน้าประกันภัยหมายเลข
00017/2559
หมายเลขจดทะเบียนนิติบุคคล
0105559056161
รับรองความปลอดภัย และ อยู่ภายใต้ความควบคุม ของ
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
Security & Compliances
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
bolttech © 2021 All Rights Reserved.