วันนี้พบกับความรู้เรื่องยางรถยนต์ อยากจะมาลงรายละเอียดนิดนึงว่า เมื่อเราใช้ยางไปเรื่อยๆ แล้วนั้นจากยางที่คุณภาพ 100% สมรรถนะของยางจะมีอัตราที่ลดลงยังไงบ้าง ยางรถใช้ได้อายุประมาณเท่าไหร่ คือใช้งานจนดอกยางหมดหรือโครงยางติดรถมาไม่เกิน 5 ปี ขอลงรายละเอียดให้เพื่อนๆ เข้าใจ และช่วยตัดสินใจที่จะใช้ยางต่อหรือเปลี่ยนยางใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ให้มากที่สุด
พูดถึงเรื่องของรายละเอียดของการเกาะถนนก่อน จริงๆ แล้วการสึกหรอของยางส่วนหลักๆ เลยจะเป็นเรื่องของการรีดน้ำหรือระบายน้ำออกจากหน้ายาง เพราะยิ่งสึกมากเท่าไหร่ ร่องดอกยางหรือร่องรีดน้ำก็จะตื้นขึ้นไปด้วย จะส่งผลต่อการระบายน้ำออกจากหน้ายาง ทำให้มีโอกาสในการเหินน้ำยิ่งขึ้นและลดประสิทธิภาพการควบคุมการขับขี่ลงตามไปด้วย เพื่อนๆ อาจจะยังไม่เห็นภาพ วันนี้เราจะมาเล่าให้เป็นภาพเลย ว่าความต่างกันกับยางใหม่ๆ กับยางที่หมดดอกต่างกันขนาดไหน
คำว่าดอกยางหมดดอกจริงๆ แล้ว เราดูกันที่บริเวณร่องดอกยางนั่นแหละ ยางทุกเส้นบริเวณร่องดอกยางจะมี “สะพานยาง” อยู่เป็นเหมือนตุ่มๆ “สะพานยาง” นี้จะมีความหนาอยู่ที่ 1.6 มม. ถ้ายางเพื่อนๆ สึกถึงสะพานยางแล้วให้บอกไว้เลยว่าควรเปลี่ยนยางใหม่ได้แล้ว เพราะว่าสะพานยางตัวนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าร่องยางที่เคยรีดน้ำได้ดีนั้นการรีดน้ำนั้น จะแย่ลงเรื่อยๆ และมากที่สุดเมื่อสึกถึงสะพานยาง
จากการศึกษาของสมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (JATMA) การเปรียบเทียบระยะหยุดของยางใหม่และยางที่สึกบนพื้นเปียกที่ความเร็วเท่ากัน (80 กม./ชม.) และจากจุดเบรกเดียวกัน รถยนต์ที่ใช้ยางใหม่ กับรถยนต์ที่ใช้ยางสึก (เสื่อมสภาพถึงจุด 1.6 มม.) มีระยะเบรกที่แตกต่างกันถึง 10 เมตร นั่นหมายความว่าระยะเบรกที่เพื่อนๆ เผื่อไว้เวลาขับรถเดิมที่คุ้นเคยอาจจะไม่เพียงพอในการหยุดรถบนถนนเปียก ไม่ว่าจะเป็นกรณีเบรกฉุกเฉินก็ตาม โดยปกติยางใหม่ๆจะมีดอกยางอยู่ที่ประมาณ 9 มม. ถ้าหักกับ 1.6 มม. จะเหลือดอกยางที่ใช้จริงประมาณ 7.4 มม. เรามาแบ่งต่อมม. จะเท่ากับว่า ต่อการสึก 1 มม. จะมีระยะเบรคบนถนนเปียกไกลขึ้นโดยประมาณ 1.3 เมตร
เพื่อนๆ พอจะนึกภาพออกแล้วใช่ไหม ว่าความแตกต่างเริ่มเยอะขึ้นเมื่อใช้ไปถึงครึ่งชีวิต ระยะเบรกก็จะเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เมตรเลย ถือเป็นระยะที่ไกลพอสมควรเลย โดยเฉพาะเวลาเบรกกระทันหัน 5 เมตร ช่วยให้รถของเพื่อนๆ อาจจะไม่ชน หรือ เสียหายน้อยลงได้ เป็นข้อหนึ่งที่อยากให้เพื่อนๆ เข้าใจ ถ้าเพื่อนๆ ใช้จนโล้นมันใช้ได้ แต่สมรรถนะก็จะดรอปลงไปมากๆเช่นกัน
ส่วนต่อมาคือ เรื่องขอการควบคุมการขับขี่บนถนนเปียก ถ้ายางสึกจนเหลือแค่ 3 มม.จะทำให้มีโอกาสการควบคุมขับขี่ลดลงถึง 33% (จากข้อมูล สมาคมยานยนต์อเมริกา AAA) นั้นหมายความว่ารถของคุณจะมีโอกาสเหินน้ำมากเลย หากยางสึกไป 70% ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเบรก หรือ เป็นการบังคับซ้ายขวา บนถนนเปียกเมื่อยางสึกไปมากๆ แล้วนั้นคุณมีโอกาสเสี่ยงเสียการควบคุมและเกิดอุบัติเหตุที่มากขึ้นเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือ เราต้องคอยหมั่นเช็กยางรถว่า ยางของเรามีดอกยางเหลือเท่าไหร่ โดยวิธีง่ายๆ คือเราดูจากสะพานยาง ให้ดูตั้งแต่ครั้งแรกว่าร่องดอกยางลึกเท่าไหร่ โดยใช้นิ้วของเราในการวัดระดับไว้หรือใช้เหรียญเป็นตัววัดไว้ก็ได้ หากพอใช้ไปเรื่อยๆ เราก็มาวัด หากลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้วก็เท่ากับว่าใกล้ถึงเวลาที่เราต้องเป็นห่วงยางของเราแล้ว หลังจากนั้นเราก็พิจารณาอีกครั้งว่าเราจะเปลี่ยนหรือว่าจะใช้งานต่ออีกเท่าไหร่ เรื่องของรถเราอยากให้เพื่อนๆใส่ใจดูแลกันนะ
เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครมาดูให้ตลอดเวลา เกิดเหตุมีแต่เราที่จะเสียหาย หากเพื่อนๆ กำลังจะหายางใหม่สะดวกทุกครั้งที่เข้าแพลตฟอร์มไทร์บิด www.tiresbid.com เลือกซื้อยางได้อย่างง่ายดาย พร้อมรับโปรโมชันยางรถมากมายทั้งลดและแถมเลย และบริการครบวงจรที่ครอบคลุมทุกงานบริการ เปลี่ยนยางถึงที่, เปลี่ยนยางที่จุดบริการกว่า 100 จุดใกล้บ้าน และบริการจัดส่งทั่วประเทศ ขอบคุณที่อ่านบทความและติดตามจนจบครับแล้วพบกันใหม่ในบทความถัดไปทุกท่าน
หากเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช็อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด แถมไทร์บิดยังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง หรือสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะ) พร้อมรับโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการร้านยาง เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายมากขึ้น