ในช่วงฤดูฝนมาเยือนแบบนี้ นอกจากเราจะดูแลสุขภาพตัวเองในช่วงหน้าฝนแล้ว อีกสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ “โรคไข้เลือดออก” ที่มาพร้อมกับยุงลาย หากเราโดนยุงลายกัดก็มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคไข้เลือดออก และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ โดยเฉพาะคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอยิ่งส่งผลอันตรายต่อชีวิต แล้วเพื่อรู้จักป้องกันตัวเองมากขึ้น ลองมาศึกษาอาการไข้เลือดออกระยะแรก สาเหตุ และวิธีการรักษาไข้เลือดออกกันเลย
วิธีไล่แมลง
โรคไข้เลือดเกิดจากยุงลายเพศเมียที่เป็นตัวกลางนำพาโรคไปสู่คน เมื่อยุงลายตัวเมียดูดเลือดผู้ป่วยที่มี เชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) เชื้อไวรัสชนิดนี้ก็จะเข้าสู่กระเพาะของยุงแล้วไปเกาะตามเซลล์ที่ผนังกระเพาะของยุงลาย โดยใช้เวลาฟักตัวประมาณ 8-12 วัน พอยุงตัวนี้ไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไวรัสเดงกีเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ถูกกัด และเชื้อจะฟักตัวเข้าสู่ร่างกายคนประมาณ 5-8 วัน อาจจะสั้นหรือยาวกว่าก็ขึ้นอยู่เชื้อที่ได้รับของแต่ละคน
ทั้งนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มี่ยุงชุกชุมตามแหล่งน้ำนิ่งในบ้าน เช่น บ่อน้ำ ตุ่มน้ำ โอ่งน้ำ แจกัน จานรองตู้กับข้าว และแหล่งน้ำท่วมขังสกปรกก็ยิ่งมีโอกาสให้ยุงมาวางไข่ในน้ำ เพราะน้ำถือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงชั้นเยี่ยม ทางที่ดีเราควรหาวิธีป้องกันหรือควบคุมโรคไข้เลือดออกกันด้วย
เมื่อกล่าวถึงอาการไข้เลือดออกในผู้ใหญ่แต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการติดเชื้อและสภาพร่างกายของผู้ป่วย โดยส่วนใหญ่อาการไข้เลือดออกในผู้ใหญ่ที่พบบ่อยๆ จะมีดังนี้
สำหรับอาการไข้เลือดออกเริ่มต้นของผู้ป่วยจะมีอาการเป็นไข้ รู้สึกตัวร้อนๆ หนาวๆ หรือบางรายก็มีไข้ขึ้นสูงถึง 40-41 องศาเซลเซียลโดยไม่ทราบสาเหตุนานประมาณ 2-7 วัน หลังจากนั้นมีอาการอ่อนเพลียตามมา ถึงแม้จะทานยาลดไข้แล้วก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น
ต่อมาผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัว วิงเวียนศีรษะ ซึ่งอาการไข้เลือดออกในผู้ใหญ่จะมีอาการปวดบริเวณกระบอกตา และรุนแรงกว่าอาการไข้เลือดออกในเด็ก
“อาการโรคไข้เลือดออก” ไม่ใช่เพียงแค่มีอาการปวดหัวอย่างเดียว แต่ผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัวอีกด้วย ได้แก่ ปวดข้อ ปวดเเขน ปวดกล้ามเนื้อ และปวดกระดูก เป็นต้น บางรายอาจจะปวดมากจนข้อบวม หรืออ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
พอหลังจากไวรัสเดงกีฟักตัวนานขึ้น ผู้ป่วยอาจจะแสดงอาการโรคไข้เลือดออกชัดเจน คือ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร รู้สึกซึมเศร้ากว่าปกติ หรือบางรายจะมีอาการอาเจียนบ่อยๆ หน้ามืด ใจสั่น ก็ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
นอกจากนี้ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องกดเจ็บชายโครงด้านขวา หรือท้องเสียร่วมด้วย (ขึ้นอยู่อาการแต่ละคน) แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมักถ่ายอุจจาระสีดำหรือมีเลือดปนอยู่ด้วย รู้สึกกระสับกระส่าย และปัสสาวะน้อยลงอาจจะเข้าสู่ภาวะช็อกได้ ต้องรีบพาผู้ป่วยเข้าพบแพทย์เช่นกัน
หากเราสังเกตเห็นมีผื่นแดงขึ้นตามตัว มีลักษณะจุดเลือดเล็กๆ กระจายตามบริเวณผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นเเขน ขา ลำตัว และรักแร้ ก็บ่งบอกได้ว่าเสี่ยงเป็นโรคไข้เลือดออก ส่วนในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงก็จะมีเลือดออกตามผิวหนัง มีเลือดกำเดาไหล หรือเลือดออกตามไรฟัน หากไม่รีบทำการรักษาไข้เลือดออกก็อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออกประมาณวันที่ 3-4 นับตั้งแต่วันที่เริ่มป่วย จะมีอาการตับอักเสบ พอกดแล้วจะรู้สึกเจ็บเพราะเชื้อไวรัสเดงกีสามารถทำลายตับ หรือระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ภายในร่างกาย อาจจะทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนอื่นได้เช่นกัน
เมื่อเข้าสู่ระยะวิกฤตหรือช็อก ผู้ป่วยจะมีภาวะเลือดโลหิตล้มเหลว ตัวซีด ตัวเย็น และหมดสติ อาจส่งผลให้เสียชีวิตตามมาภายในเวลา 12-24 ชั่วโมง แล้วยังมีโอกาสเสียชีวิตได้ทันทีเมื่อโรคไข้เลือดออกนั้นเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์และเด็ก รวมถึงผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคตับ โรคหัวใจ ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราสังเกตเห็นอาการใกล้เคียงดังกล่าว ทางที่ดีควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุด! เพื่อตรวจสอบว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่ อย่าปล่อยให้หายเองเด็ดขาด เนื่องจากไข้เลือดออกเป็นโรคอันตรายสามารถเข้าสู่ภาะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ส่วนเรื่องค่ารักษานั้นก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะประกันสุขภาพกับ Frank จะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลให้อุ่นใจ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 400,000 บาทต่อปี รวมทั้งค่าห้องผู้ป่วย ค่าอาหาร และค่าบริการรถพยาบาลที่จำเป็นอีกด้วยนะ พร้อมอยู่ในความดูแลของหมอได้อย่างสบายใจ