ปกติแล้วประกันรถจะคุ้มครองเป็นรายปี คือพอครบ 1 ปีจะต่ออายุกันหนึ่งครั้ง แต่ก็มีเพื่อนๆ หลายคนเหมือนกันที่มีเหตุอยากให้เปลี่ยนประกันรถที่ประกันเดิมยังไม่หมดอายุความคุ้มครอง ตอนคิดจะเปลี่ยนนี่เองที่อาจจะมีปัญหาใหญ่ให้ต้องคิดต้องตัดสินใจ เลยเอาข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนประกันรถก่อนหมดปีมาฝากกัน
เหมือนที่ bolttech บอกไปตอนแรกเลยครับ ปกติแล้วประกันรถจะต่ออายุกันปีละครั้ง แต่บางคนก็อยากเปลี่ยนครับ ซึ่งการเปลี่ยนประกันรถมี 2 แบบนะครับ คือ เปลี่ยนชั้นประกัน กับ เปลี่ยนบริษัทประกัน หากเป็นการเปลี่ยนชั้นประกันมักไม่เปลี่ยนระหว่างปี เพื่อลดเบี้ยประกันตามความชำนาญของคนขับและอายุของรถที่ใช้
เป็นเหตุผลหลักเลยครับ ปกติแล้วการทำประกันรถยนต์คือการซื้อความคุ้มครองเพื่ออนาคตน่ะครับ ดังนั้นเราจะยังไม่รู้ว่าบริษัทที่เราเลือกทำประกันด้วยนั้นนิสัยในการบริการเป็นยังไง จนกว่าจะเกิดเหตุขึ้นแล้วเราต้องเคลมประกันนั่นแหละครับ ถึงจะรู้จักกันจริง ตอนนี้เองที่ลูกค้าหลายรายจะเลือกเปลี่ยนประกันรถไปเลย เพราะหงุดหงิดกับปัญหาที่เจอมา เช่น มาถึงที่เกิดเหตุช้า ตัวแทนไม่ดูแลเท่าที่ควร เคลมยาก เงื่อนไขที่ไม่เคยเห็นโผล่มาเยอะแยะมากมาย จนรู้สึกว่า เปลี่ยนเจ้าไปเลยเหอะ
บางคนยอมควักกระเป๋าจ่ายแพงไปเลยครับ ซื้อทั้งประกันตัวหลักและความคุ้มครองเสริม แต่พอเกิดเหตุขึ้นมาจริงๆ ประกันที่ทำไว้กลับไม่สามารถช่วยได้มากนัก นั่นอาจเป็นเพราะประกันที่ใช้อยู่ ไม่เหมาะกับรถและลักษณะการขับของเราครับ เลือกผิดคิดไปอีกนานจริงๆ หลายคนจึงอยากเปลี่ยนประกันรถก่อนหมดปี ดังนั้นลองมาเลือกประกันที่เหมาะกับการขับขี่ของคุณ
ต้องบอกว่าประกันแต่ละเจ้าแข่งขันกันโหดมาก ทั้งลดแลกแจกแถม ผ่อนได้ ให้ความคุ้มครองทันที ถ้าลูกค้าที่คิดจะเปลี่ยนประกันรถ คงเลือกสนุกไปเลยล่ะ ประกันแต่ละชั้นก็มีคุ้มครองตายตัวไม่ต่างกัน ความได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นอยู่กับเบี้ยประกันภัย บริการ และโปรโมชันเสริมเหล่านี้แหละ คงต้องขอบอกกับเพื่อนๆ ว่าเลือกดีๆ มองไปในระยะยาว ถึงแม้โปรโมชันจะน่าโดน แต่สิ่งที่เพื่อนๆ ต้องการคือประกันรถยนต์ที่ดี ดังนั้นดูที่บริการก่อนเป็นอันดับแรก
ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่เพื่อนๆ มีตังขายคันเก่าทิ้ง แล้วซื้อคันใหม่มาวิ่งโดยที่ประกันยังไม่หมดครับ แล้วจะทำยังไงกับประกันที่ยังเหลือต่อดี เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ เพราะประกันนั้นผูกกับรถ ต้องบอกว่าทำได้ 2 อย่างครับ
เวนคืนกรมธรรม์ เป็นการยกเลิกกรมธรรม์เพื่อขอรับเงินคืน
เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกัน ให้ประกันคุ้มครองเจ้าของรถคนใหม่ที่ซื้อรถไป จนกว่าจะหมดปี
คือ สิ้นสุดความคุ้มครองสำหรับเจ้าของรถแล้ว แต่ประกันยังคุ้มครองรถอยู่ โดยทายาทจะเป็นผู้ดำเนินการต่อเหมือนข้อที่แล้ว ว่าจะเวนคืนกรมธรรม์หรือจะเปลี่ยนชื่อเป็นคนอื่น
ทำได้ครับ เป็นสิทธิของเจ้าของรถที่จะเปลี่ยนประกันรถไปใช้เจ้าใหม่ที่พอใจได้เลย ทั้งก่อนการคุ้มครองและหลังได้รับความคุ้มครองแล้ว ต่างกันตรงที่ถ้ายังไม่ได้รับความคุ้มครองการยกเลิกจะทำได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ แค่แจ้งยกเลิกกับบริษัทประกัน แต่ถ้ายกเลิกหลังได้รับความคุ้มครองแล้ว ต้องมีการจัดส่งเอกสาร คิดคำนวณค่าใช้จ่ายในการเวนคืน แล้วจึงจะได้เงินคืน ซึ่งก็ได้ไม่เต็มจำนวนนะครับ
ส่วนใหญ่คนที่เปลี่ยนประกันรถก็เพราะประกันที่มีไม่ตอบโจทย์นี่แหละครับ การเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ใช่กว่าก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ แต่อยากให้เลือกดีๆ ว่าประกันตัวนี้ใช่ประกันที่อยากได้จริงๆ หรือเปล่าก่อนตัดสินใจ แต่ไม่อยากให้เพื่อนๆ เสียใจในเรื่องเดิมๆ ถือว่าแก้ปัญหานี้ ปรึกษาได้เลย
บางคนเปลี่ยนประกันรถ เพราะเหตุผลนี้จริงๆ ถ้าถูกลงแล้วคุ้มครองเท่าที่เราอยากได้จริงๆ คือถ้าเป็นการเปลี่ยนชั้นประกันคือไปใช้ชั้นที่คุ้มครองน้อยลง ราคาก็ต้องถูกลงเป็นธรรมดาครับ แต่ถ้าราคาถูกลงแล้วไม่ได้เหมาะกับลักษณะการขับ การเดินทางของเราก็ไม่อยากแนะนำ เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมากกว่า เลือกเอาที่คุ้มค่าที่จะจ่ายดีกว่า
ต้องบอกเลยว่า ประกันทุกเจ้าสู้กันตรงนี้ บางเจ้าแถมกล้อง บางเจ้าผ่อนได้ เลือกเอาตามใจชอบได้เลยครับ แต่ต้องใจเย็นๆ นะครับ เลือกเอาว่าโปรโมชั่นไหนที่เราใช้ประโยชน์ได้จริง ขอให้เจอโปรที่ชอบในความคุ้มครองที่ใช่
ประกันรถยนต์คิดราคาเป็นรายปีตามความคุ้มครองครับ การเปลี่ยนประกันรถจะทำให้เราเสียความคุ้มครองจากบริษัทประกันเจ้าเดิมทันที
แม้จะบอกว่าประกันรถยนต์เป็นการเหมาจ่ายรายปี แต่ไม่ได้หมายความว่าเวลาเปลี่ยนประกันรถแล้วเวนคืนกรมธรรม์จะได้เงินคืนตามสัดส่วนรายปีนะครับ เกณฑ์การเวนคืนกรมธรรม์ประกันรถยนต์เป็นตามนี้ครับ
วิธีคิดเงินที่ได้จากการเวนคืนกรมธรรม์คือ (อัตราคืนเบี้ย ÷ 100) x เบี้ยประกัน
สมมติเบี้ยประกันทั้งปี 15,000 บาท คุ้มครองมาแล้วก่อนเปลี่ยน 90 วัน ไปดูในตาราง เบี้ยที่จะได้คืนคือร้อยละ 50
วิธีคิดคือ (50 ÷ 100) X 15,000 = 7,500 บาท
แค่ 3 เดือนเองครับ แต่เงินหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าคิดว่าเราได้เปลี่ยนประกันรถไปบริษัทที่เราพอใจ และได้เงินมาทำที่ใหม่ต่อก็ดูพอไหวนะครับ
แม้เดี๋ยวนี้จะง่ายขึ้นด้วยการส่งเมล์ได้ แต่ก็เป็นเวลาที่ต้องเสียไปครับ ไม่นับเวลาดำเนินการของประกันทั้งเก่าและใหม่อีก ซึ่งเจ้าของรถต้องตามเอาเอง
ปกติแล้วค่าส่วนลดเบี้ยประกันที่ได้จากการขับขี่ประวัติดีนั้น จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนปีครับ ซึ่งประวัตินี้จะถูกเก็บไว้ที่บริษัทเดิม ถ้าเปลี่ยนประกันรถไปที่ใหม่ก็คือเริ่มนับอายุใหม่
คงไม่มีใครบอกได้จริงๆ ครับว่าการเปลี่ยนประกันรถไปบริษัทใหม่ที่เราตัดสินใจเลือกจะตอบโจทย์และดูแลเราได้ดีเท่าที่เราต้องการหรือเปล่า ก็บอกไปแล้วว่าเราซื้อประกัน เพื่อลงทุนสำหรับอนาคต การเลือกดีๆ อ่านรีวิวเยอะๆ
การเปลี่ยนประกันรถนั้นใช้เอกสารชิ้นเดียวเลยครับ คือสำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ ต่างกันตรงสิ่งที่ต้องระบุไว้บนสำเนาบัตรประชาชนครับ
สำเนาบัตรประชาชน เซ็นคร่อม ระบุว่า “ต้องการยกเลิกกรมธรรม์เลขที่ xxxxxxx ให้สิ้นสุดความคุ้มครองในวันที่ DD/MM/YYYY”
สำเนาบัตรประชาชน เซ็นคร่อมไว้ระบุว่า “ต้องการให้คุ้มครองตั้งแต่วันที่ DD/MM/YYYY”
เมื่อส่งเอกสารเพื่อเปลี่ยนประกันรถไปที่ประกันทั้งเจ้าเก่า เจ้าใหม่แล้ว เราจะได้รับความคุ้มครองตามวันที่ระบุไว้ โดยไม่ต้องรอให้การยกเลิกกรมธรรม์กับที่เดิมเสร็จสิ้นครับ เพราะกว่าที่เดิมจะทำให้เราเสร็จใช้เวลาตั้งแต่ 17 – 30 วันเลย
หวังว่าจะช่วยให้เพื่อนๆ ที่กำลังอยากเปลี่ยนประกันรถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าควรเปลี่ยนหรือเปล่า สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่คิดจะเปลี่ยน อ่านแล้วลองคิดตามเล่นๆ แนะนำว่าบางทีการเปลี่ยนหรือไม่ก็อยู่ที่ใจล้วนๆ หากเราไม่พอใจยังไงวันนึงเราต้องเปลี่ยนอยู่ดี แต่ถ้าเปลี่ยนประกันรถระหว่างปี คุ้มค่าที่สุดดีกว่า หรือมาลอง เช็คเบี้ย กับ bolttech.co.th ประกอบการตัดสินใจก่อนก็ได้