หากพูดถึงแดนปลาดิบนอกจากสถานที่อันงดงาม อาหารแสนอร่อยแล้ว ลืมไม่ได้เลยคือ ญี่ปุ่นนั้นถือเป็นพี่ใหญ่ของการผลิตรถยนต์เลยทีเดียว ลองนึกดูสิ ทั้งโตโยต้า, ฮอนด้า, ซุสุกิ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มาจากญี่ปุ่นทั้งสิ้น แน่นอนว่าพอพูดถึงรถเหล่านั้น คนไทยจะนึกไปถึงรถรูปทรงโฉบเฉี่ยว ทันสมัยใช่หรือ? แต่เดี๋ยวก่อนญี่ปุ่นนั้นนอกจากจะเป็นเจ้าแห่งการผลิตรถแล้ว ยังเป็นเจ้าแห่งความตะมุตะมิอีกด้วย!? วันนี้เราจึงรวบรวม 5 แบบรถทรงกล่องสุดตะมุตะมิจากญี่ปุ่นให้ทุกท่านได้ชมกัน
รถทรงกล่องแบบนี้นนั้นเรียกอีกอย่างว่า K-Car หรือ Kei Jidosha (Light Car) ทางการญี่ปุ่นกำหนดไว้ให้รถมีขนาดเครื่องยนต์สูงสุดได้เพียง 660 ซี.ซี. กำลังไม่เกิน 64 แรงม้า รวมถึงตัวรถต้องมีขนาดไม่เกิน กว้าง 1.48 ม. ยาว 3.4 ม. และสูง 2 ม. เพื่อประหยัดพื้นที่ในการจอดรถ โดยรถกลุ่มนี้จะได้รับการสนับสนุนในเรื่องของภาษีรวมถึงประกันภัยถูกกว่ารถขนาดปกติ ส่งผลให้ K-Car เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น เอาล่ะรู้มาพอหอมปากหอมคอแล้ว ไปดูกันดีกว่าว่ารถตะมุตะมิเหล่านั้นมีอะไรกันบ้างไปชมกันเลย!
คันนี้น่าจะเป็นหนึ่งในรถกล่องของ Move Series ที่สามารถเข้าไปจอดอยู่ในใจบรรดาสาว ๆ เป็นจำนวนมาก ด้วยหน้าตาที่สดใสดูตะมุตะมิมากที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดารถกล่องทรง Tall boy ของ Daihatsu ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยสีทูโทน (แบบโมโนโทนก็มี) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวพาสเทลเพื่อจับกลุ่มสาว ๆ โดยเฉพาะ มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ เหมือนกับ K-Car คันอื่น ๆ
Suzuki Lapin คันนี้อาจไม่เข้าข่ายทรง Tall Boy แต่ก็เป็นอีกรุ่นที่สาว ๆ ในไทยคลั่งไคล้และเป็นกระแสจนอยากให้ผู้ผลิตในไทยนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย เลยต้องขอพ่วงด้วยอีกหนึ่ง (เผื่อจะฟลุค) และก็ไม่แปลกหากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง จะคิดว่าฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพราะ Suzuki ก็คงตั้งใจอย่างนั้น ตั้งแต่การออกแบบให้รถทรง 5 ประตู Hatchback ดูน่ารักแบบมินิมอล แถมชื่อ Lapin ที่แปลว่ากระต่าย (มาจากภาษาฝรั่งเศสออกเสียงว่า "ลาแปง") ก็ชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายหลักคือเพศใด ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าแค่ไฟหน้าทรงกลมกับทรวดทรงกล่องมน ๆ ธรรมดาจะกระแทกสายตาและโดนใจได้ขนาดนี้ โดยมีสีตัวถังให้เลือกเพียบทั้งทูโทนและโมโนโทน แต่จะหนักไปทางพาสเทล เรียกว่าเป็นเวทมนตร์ของผู้ผลิตรถญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ในส่วนภายในก็ละมุนสุดตั้งแต่การออกแบบและโทนพาสเทลสว่าง ๆ ตัดกับแถบประดับสีอ่อน (มีให้เลือกทั้งลายไม้และพลาสติกที่เล่น Texture ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ตัวเบาะนั่งก็มีตั้งแต่เบาะผ้าเรียบ ๆ สีเบจ หรือผ้าอัดลาย (Quilt) สีคาราเมลเป็นตารางข้าวหลามตัด (ที่คล้ายกับลายกระเป๋า Chanel Boy Bag) รวมไปถึงลายสก็อตสีน้ำตาล แต่ถ้าเป็นรุ่น Lapin F Limited ก็จะดูสตรองเป็นสาวมาดเท่ขึ้นด้วยผ้าลายกระสอบสีน้ำตาลเข้ม ส่วนแถบประดับลายไม้ก็เป็นสีโทนเดียวกับเบาะ ทั้งนี้ราคาก็ยังเกาะกลุ่ม K-Car รูปแบบอื่น ๆ ด้วย
เพิ่มดีกรีและความกล่องอีกระดับเพื่อปราบ Daihatsu Tanto ซึ่งรุ่นปี 2018 ใหม่ ก็เห็นว่าจะเปิดตัวอยู่เร็ว ๆ นี้แล้ว และสำหรับโฉมนี้ (โฉมปัจจุบัน) นั้นก็มาพร้อมรุ่นย่อยมากมายจนยากจะสาธยายให้หมด ทั้งเครื่องยนต์ธรรมดา ไม่ธรรมดา (มีเทอร์โบ) อุปกรณ์มาตรฐานและสีสันทั้งโมโนโทน ทูโทน รวมไปถึงสูตรเดิม N-BOX Custom ก็อย่างที่เข้าใจดีไซน์จะต่างกันโดยเฉพาะด้านหน้าที่มีความเป็นชายกว่าราวกับว่าผู้ผลิตทุกค่ายในญี่ปุ่นเขาเตี๊ยมกันไว้แบบนี้ (หรือเปล่า)
Suzuki Spacia คู่แข่งของ Daihatsu Tanto ซึ่งหลาย ๆ อย่างมีความคล้ายกันสูงมาก แต่ Suzuki Spacia มีประตูสไลด์ไฟฟ้ารวมถึงออกแบบให้ขอบชายประตูด้านล่างต่ำมากเป็นพิเศษเพื่อสะดวกในการขึ้น-ลงและเคลื่อนย้ายสัมภาระที่มีน้ำหนักมาก ส่วนอีกหนึ่งความโดดเด่นก็คงเป็นเทคโนโลยี S-ene charge ที่มี ISG (Integrated Starter Generator) และแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดกะทัดรัดเพื่อช่วยลดภาระของเครื่องยนต์แบบปกติที่ต้องรับโหลดจากไดชาร์จและมอเตอร์สตาร์ท ส่งผลให้รถ Suzuki ที่ติดตั้งเทคโนโลยี S-ene charge ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
Daihatsu Tanto เป็น K-Car ยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับความเรียบง่ายแต่ใส่ใจในดีเทลและความอเนกประสงค์อย่างเต็มที่ โดยเสา A นั้นออกแบบให้โปร่งมีจุดอับสายตาน้อยที่สุด บานประตูคู่หน้าเปิดได้กว้าง 90 องศา และมีม่านกันแดดติดตั้งในบานประตูหลังที่เป็นแบบสไลด์มาให้พร้อม แต่ถ้าหากคิดว่า Daihatsu Tanto เรียบง่ายและดูสาวเกินไปยังมี Daihatsu Tanto Custom ที่ออกแบบชุดแผงหน้ารถใหม่ให้ดูเท่ แกรนด์และแมนขึ้น ประมาณว่าขับเข้าย่านกินซ่าได้ด้วยความมาดมั่นคล้ายกับ Toyota Alphard ฉบับจิ๋ว รวมถึงช่วงราคาก็ขยับตามไปด้วยอีกพอสมควรแต่ก็ยังไม่เกิน 2 ล้านเยน
ทั้งหมดนี้ก็เป็น K-Car ทรงกล่องที่มีจำหน่ายในญี่ปุ่นล่าสุดแน่นอนว่าไม่ธรรมดาเลย ดูแล้วก็แอบตาร้อนนิดๆว่าทำไมรถน่ารักๆแบบนี้ไม่เข้าไทยบ้างน้า? แต่ถ้านำเข้ามาขายไทยนั่นราคาก็น่าจะเหงื่อตกแน่นอน แถมอาจจะขายมือสองไม่ได้ราคาเท่าไรอีก อย่างไรแค่ได้ดูภาพก็น่าจะพอแล้ว แต่อย่าลืมนะคะ ขายรถถ้าอยากขายให้ได้ราคา ต้องมา Carsome เลยค่า