อ่านเร็วๆ
เราเข้าสู่การขับรถหน้าฝนกันอย่างเป็นทางการแล้วนะครับ โดยปกติแล้ววันแรกของฤดูฝนคือ วันแรกนาขวัญ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ วันพืชมงคล ซึ่งเป็นวันหยุดในปฏิทินที่เรามักจะไม่ได้หยุดถ้าเราไม่ได้ทำงานราชการอ่ะนะครับ เป็นสัญญาณให้พี่ๆ เกษตกรรู้ว่า เริ่มเข้าสู่ฤดูการไถหว่านหรือเริ่มต้นการทำนากันแล้วนะ แต่ถ้าเราอยู่ในเมืองวันนี้มักจะกลายเป็นวันเปิดเทอมใหม่สำหรับน้องๆ และความหมายที่เรากลัวกันที่สุดคือ วันแรกของรถติดหฤโหดของหน้าฝนนั่นเอง…...ง
เรามาเริ่มกันที่ระดับความแรงของฝนกันก่อนเลยครับ ตามที่เรารู้กันไม่ว่าจะเป็นฝนกตกแบบไหนก็สามารถทำให้เกิดน้ำรอระบายได้ทั้งนั้นเพราะงั้นเราต้องเตรียมรับมือกันการขับรถหน้าฝนไว้ให้ดีครับ
ลักษณะเป็นฝนพรำ หรือเม็ดเล็กหน่อย ซึ่งมักจะตกแบบยาวนานหรือบางครั้งตกทั้งวัน สิ่งที่เราต้องระวังเป็นพิเศษคือ พื้นผิวถนนจะลื่นง่ายมากโดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่มอร์เตอร์ไซต์ ดังนั้นรถเก๋งเมื่อขับรถหน้าฝนจึงควรเว้นระยะห่างเวลาขับขี่ให้มากขึ้น หรือลดความเร็วลงเพื่อให้มีระยะเบรกมากขึ้นและป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้
จะเป็นฝนที่เม็ดหนากว่าแบบแรกแต่ไม่มีลมแรง การขับรถหน้าฝนแบบนี้เราควรระวังน้ำรอระบายบริเวณท่อน้ำต่างๆ หรือน้ำกระเด็นจากการขับเร็วของรถคันที่อยู่ข้างๆ หรือคันที่ขับสวนทางมาทำให้เรามองไม่เห็นทางจึงไม่ควรขับรถเร็วเป็นอย่างยิ่ง และอาจมีฝ้าขึ้นที่กระจกเพราะอากาศจะค่อนข้างนิ่งและความชื้นสูงจึงไม่ควรปิดแอร์และเปิดการทำงานของปุ่มไล่ฝ้าที่กระจกหลัง
แบบสุดท้ายอารมณ์ประมาณพายุฝนลมแรง เราจึงควรขับรถหน้าฝนกันแบบสังเกตข้างทางไปด้วย เพราะลมที่แรงมากๆ นอกจากทำให้รถเราโคลงไปมาเวลาขับแล้วยังสามารถพัดเอากิ่งไม้หรือป้ายโฆษณาข้างทางมาใส่รถเราเพื่ออ่านอย่างใกล้ชิดหรือพัดเอากิ่งไม้มาขวางถนนได้ด้วย หรือถ้าทัศนวิศัยเลยร้ายจริงๆ อยากแนะนำให้หาที่จอดรถที่ปลอดภัยข้างทางรอให้ฝนซาลงก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อเพื่อความปลอดภัยครับ
ในบางภาคเช่น ภาคเหนือหรือภาคอีสานยังมีโอกาสที่จะเกิดพายุลูกเห็บได้ด้วยนะครับ และเจ้าพายุลูกเห็บนี่ล่ะน่าตื่นเต้นสุดๆ เวลาขับรถ เพราะนอกจากทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวรถแล้วยังทำให้พื้นผิวถนนลื่นมากกว่าปกติอีกด้วย ถ้าขับรถหน้าฝนอยู่ดีๆ แล้วไปเจออยากให้หาที่จอดที่ปลอดภัยข้างทางเช่นเดียวกันครับ
หลังจากที่เราแยกประเภทของฝนตกแบบต่างๆ ไปแล้ว เรามาดูเรื่องเทคนิคการขับรถหน้าฝนกันต่อเลยดีกว่าครับ 5 วิธีที่ Frank จะแนะนำต่อไปนี้ เราเอาไปใช้ได้ทุกเส้นทางการเดินทางเพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆ ทุกคนเลยครับ
เมื่อเราขับไปเจอฝนตกกลางทางไม่ว่าจะเป็นฝนตกหนักหรือพายุฝนก็ตาม 5 วิธีขับรถต่อไปนี้จะช่วยให้เราขับรถอย่างปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเราควรทำให้ติดเป้นนิสัยไว้เลยนะครับเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยทุกเส้นทาง
เมื่อฝนเริ่มตก “ที่ปัดน้ำฝน” เป็นอุปกรณ์แรกที่เราควรเปิดใช้งานควรเริ่มจากระดับกลางก่อนแล้วปรับความหน่วงตามระดับของฝนอีกทีในรถยุโรปและรถญี่ปุ่นที่ปัดน้ำฝนจะอยู่คนละด้านกัน (Frank เคยเปิดไฟเลี้ยวแล้วกลายเป็นที่ปัดน้ำฝนมาแล้วครับ -_-’ ก่อนออกรถควรสำรวจว่าอะไรอยู่ตรงไหนนะฮะ)
ในการขับรถหน้าฝนเป็นเหมือนดวงตาของเราที่ช่วยให้เรามองเห็นทางจึงควรดูแลยางที่ก้านปัดน้ำฝนให้กวาดน้ำออกจากกระจกหน้าให้สะอาดอยู่เสมอและพร้อมใช้งาน สังเกตได้จากมีเสียงดังเกิดขึ้นเวลาที่เราปัดน้ำออกหรือไม่ ถ้าเริ่มมีเสียงเอี๊ยดดังสนั่นก็ควรเปลี่ยนยางที่ก้านปัดน้ำฝนได้แล้วนะครับ
เพื่อให้ไฟท้ายของรถเราทำงานให้รถคันที่ขับตามเรามามองเห็นท้ายรถเราและกะระยะห่างจากรถเราได้ถูก ที่สำคัญการเปิดไฟหน้ารถตอนขับรถหน้าฝนทำให้เรามองเห็นทางได้ดียิ่งขึ้นแต่ถ้าฝนตกหนักมากบางครั้งควรเปิดไฟสูงเพื่อเพิ่มระยะในการมองเห็นให้มากยิ่งขึ้น และถ้าฝนตกหนักมากจริงๆ จนมองไม่เห็นทางแนะนำให้หาที่จอดรถที่ปลอดภัยข้างทางก่อน รอจนฝนซาแล้วค่อยเดินทางต่อครับ
เพื่อเพิ่มระยะการเบรคให้มากขึ้นจากถนนเปียกลื่น การขับรถหน้าฝนควรอย่างยิ่งที่เราจะลดความเร็วจากการขับตอนเวลาปกติส่วนความเร็วควรจะเป็นเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมรถของเพื่อนๆ เลยครับ
โดยเฉพาะรถมอร์เตอร์ไซต์ที่เสี่ยงต่อการเสียหลักง่ายกว่ารถเก๋ง ถ้าขี่รถไปเจอฝนตกหนักอยากแนะนำให้หาที่จอดหลบฝนก่อนดีกว่าครับเพราะทัศนวิสัยของรถเก๋งหรือรถบรรทุกจะน้อยลงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายครับ
ตอนที่เราขับรถฝ่าฝนตกหนักไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินนะครับ เพราะเวลาเราจะใช้ไฟเลี้ยวรถคันอื่นจะไม่ทราบว่าเราต้องการเลี้ยวด้านไหนและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ารถเสียแทน เปิดแค่ไฟหน้ารถก็เพียงพอแล้วครับ
เช่นเดียวกับการขับรถผ่านสี่แยกที่เราต้องการขับตรงไปก็ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินเช่นเดียวกันครับ เราแค่มองทางให้ปลอดภัยก่อนขับไปตามปกติได้เลย
สิ่งที่เรามักจะเจอเมื่อขับรถหน้าฝนอีกเรื่องคือ “ฝ้าขึ้นกระจกหน้าหรือหลัง” ซึ่งก็เกิดจากอุณภูมิในรถเราร้อนกว่าอากาศภายนอกที่เย็นกว่าที่อาจเกิดจากการที่เราปรับแอร์ให้ร้อนขึ้นหรือบางคนปิดแอร์ขับรถ ให้แก้ไขด้วยการเปิด ปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง เพื่อลดฝ้าเกาะกระจกและอย่าปิดแอร์ให้ปรับแอร์ให้เย็นขึ้นอีกเล็กน้อยก็ช่วยลกฝ้าได้แล้วครับ
วิธีง่ายๆ ที่ Frank แนะนำนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ขับรถหน้าฝนได้สนุกมากขึ้น เพราะวิวหน้าฝนที่เห็นนาข้าวเขียวขจีสุดสายตา สายหมอกที่ลอยตัวอยู่เหนือภูเขา ความเขียวสดชื่นของต้นไม้ข้างทาง และภาพสะท้อนจากน้ำฝนหลังฝนตกก็เป็นวิวที่น่าขับรถเที่ยวเช่นเดียวกันนะครับ (ที่พักช่วง Low Season นี้ก็ลดราคาซะด้วยอ่ะนะครับ)
ว่าแล้วก็...วางโปรแกรมขับรถเที่ยวกันเถอะครับ