การจะขับขี่รถยนต์ให้ประหยัดน้ำมันนั้น จะช่วยให้เราสามารถเซฟเงินในกระเป๋าของเราได้มากขึ้น ไม่ต้องเข้าปั๊มเติมน้ำมันบ่อย ๆ แต่เพื่อน ๆ ทราบกันไหมว่า เราจะมีวิธีในการขับขี่รถยนต์อย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน วันนี้เราจึงขอเสนอ 5 วิธีประหยัดน้ำมัน มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนด้วย ไปดูกันเลย
ทราบกันไหมว่า ยิ่งเราขับรถเร็วมากเท่าไร ก็จะยิ่งกินน้ำมันของเรามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งความเร็วที่จะช่วยให้เราประหยัดน้ำมัน จะอยู่ที่ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทางที่ดีนั้น เพื่อน ๆ ควรขับรถที่เหมาะสมและรักษาความเร็วให้สม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
การเหยียบเบรกบ่อยเกินไป ก็จะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น เพราะหลังเหยียบเบรกต้องมีการเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องยนต์ แนะนำให้ลองประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อชะลอความเร็วดู เช่น เห็นรถติดอยู่ด้านหน้า ให้กะระยะห่างแล้วปล่อยคันเร่งให้รถค่อย ๆ ไหลไปเรื่อย ๆ โดยใช้แรงเฉื่อย และเหยียบเบรกเท่าที่จำเป็นดีกว่า เพราะการเหยียบเบรกบ่อย ๆ นอกจากจะกินน้ำมันแล้ว ยังให้ผ้าเบรกเสื่อมได้อีกด้วย
บางครั้งเวลาที่เราขับรถ เราไม่จำเป็นต้องคอยเหยียบคันเร่งตลอดเวลาก็ได้ แต่ปล่อยให้รถยนต์ไหลไปเรื่อย ๆ ด้วยแรงของมันเอง ตามที่เรียกกันว่า “วอล์คกิ้ง สปีด” (Walking Speed) คือ การที่ปล่อยให้รถยนต์เคลื่อนที่ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง แค่เข้าเกียร์ D แล้วประคองเบรกหรือเว้นระยะห่างให้เหมาะสม ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับการขับขี่รถในช่วงที่การจราจรติดขัด
เวลาที่เราเผชิญกับรถนาน ๆ หยุดนิ่ง แนะนำให้เพื่อน ๆ เข้าเกียร์ว่าง หรือ เกียร์ N แทนที่การเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรก เพราะจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า แถมยังไม่ต้องทนเมื่อยเวลาที่ขาเหยียบเบรกนาน ๆ อีกด้วย นอกจากนี้หากใครที่ชอบสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้เวลาจอดรถพักที่ปั๊มน้ำมัน แนะนำให้เราดับเครื่องไปเลยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะยิ่งกินน้ำมันไปเรื่อย ๆ
วิธีสุดท้ายที่จะช่วยประหยัดค่าน้ำมันรถ คือ การหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์ เพื่อสำรวจดูว่ามีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ยังสามารถใช้งานได้ตามมาตราฐาน หากมีชิ้นส่วนไหนเสื่อมสภาพ สึกหรอ หรือหมดอายุการใช้งานแล้ว ก็ควรหาเวลารับเปลี่ยน เช่น น้ำมันเครื่อง ไส้กรอง เป็นต้น เพื่อเป็นการประหยัดค่าน้ำมันในระยะยาว
ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจวิธีการขับขี่รถยนต์ให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ควรขับขี่รถอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ และถ้าจะให้ดีควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจตลอดการเดินทาง
ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก www.masii.com
เชื่อมต่อ กับพวกเรา
