ขึ้นชื่อว่า โรค ไม่ว่าโรคอะไร ก็คงไม่มีใครอยากเป็นหรอกใช่ไหมครับ แถมชื่อโรคแต่ละโรคก็ตั้งมาซะน่ากลัว โรคมะเร็งงี้ วัณโรคงี้ โรคเอดส์งี้ แค่ฟังก็ขนลุกขนพองแล้ว แต่รู้หรือไม่ครับ ว่าท่ามกลางโรคน่ากลัวทั้งชื่อและอาการนั้น มีโรคอยู่จำนวนหนึ่ง ที่มีชื่อแสนแปลก ฟังดูแล้วอาจจะรู้สึกตลก และไม่คิดว่าจะมีจริงอยู่บนโลกนี้ แต่เป็นตลกร้ายเพราะรุนแรงไม่แพ้โรคที่เราคุ้นหูเลย จะมีอะไรบ้างไปดู!
โรคชื่อแปลก ๆ ตั้งชื่อตามนิยายของลูอิส แคร์รอล โดยชื่อนี้มีที่มาของตอนหนึ่งในนิยาย ที่ อลิซ นางเอกของเรื่องดันไปกินน้ำยาวิเศษจนตัวหดลงและขยายใหญ่เกินไปนั่นเอง ซึ่งในโลกความจริง โรคนี้เป็นความผิดปกติทางประสาทการรับรู้ขนาด อาจเกิดกับผู้ป่วยโรคไมเกรน มีเนื้องอกในสมอง หรือจากการเสพยาเสพติดจนระบบประสาทมีถูกทำลายนั่นเองครับ
อาการของโรคอลิซในแดนมหัศจรรย์ก็ตามนั้นเลยครับ ผู้ป่วยโรคนี้จะเห็นภาพที่มีขนาดผิดแปลกไปจากปกติ ทั้งเห็นสิ่งของรอบ ๆ ใหญ่ขึ้น เห็นนิ้วมือนิ้วเท้าของตัวเองยืดยาว เห็นเท้าของตัวเองเล็กลง เห็นแก้วน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ กลายเป็นอยู่ไกลลิบ ซึ่งผู้ป่วยจะไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่าอะไรจริงอะไรเป็นภาพหลอน จนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลยครับ
โดยเว็บไซต์สื่อการแพทย์อย่าง Neurologytimes ได้คาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยโรคอลิซในแดนมหัศจรรย์นี้มีสูงถึง 10-20% ของประชากรโลกทั้งหมดเลยครับ แต่ส่วนมากแล้วจะเกิดอาการนี้ขึ้นครั้งหรือสองครั้งตลอดชีวิต มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีอาการต่อเนื่องเรื้อรังครับ
บางคนอาจสงสัยว่า กลิ่นตัวเหม็น มันถือเป็นโรคด้วยหรอ แค่อาบน้ำให้สม่ำเสมอก็พอแล้วหรือเปล่า อาจใช่ครับ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคกลิ่นตัวเหม็นแบบ Fish-Odor Syndrome แค่อาบน้ำอาจไม่พอครับ เพราะโรคกลิ่นตัวเหม็นนี้เกิดจากความผิดปกติในการกำจัดสารเคมีไตรเมทิลามีนของร่างกาย ซึ่งสารนี้มาจากการย่อยสารอาหารที่เรากินเข้าไปโดยจุลินทรีย์ ทำให้สารที่ว่านี้มีกลิ่นเหม็นมาก กลิ่นเหมือนปลาเน่า
ตามปกติแล้ว คนทั่วไปร่างกายจะสร้างเอนไซม์ FMO3 ขึ้นมากำจัดไตรเมทิลามีนได้ทันที ทำให้ไม่มีปัญหา แต่ผู้ป่วยโรคกลิ่นตัวเหม็นนั้น จะมีความผิดปกติในการสร้างเอนไซม์ FMO3 มากำจัดครับ ทำให้ร่างกายต้องขับสารไตรเมทิลามีนออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ทางเหงื่อ และกลิ่นปาก ทำให้ร่างกายของผู้เป็นโรคกลิ่นตัวและลมหายใจที่เหม็นรุนแรงเหมือนปลาเน่าเลยครับ
โดยโรคกลิ่นตัวเหม็นนี้สามารถถ่ายทอดได้ผ่านยีนด้อยในพันธุกรรม เท่ากับว่า ถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคนี้ ลูกมี โอกาส 25 % ที่จะเป็นโรคนี้ด้วยครับ โดยปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้โดยตรง แต่ใช้วิธีให้ผู้ป่วยลดการกินอาหารเช่น นมวัว ไข่ ถั่ว ฯลฯ เพื่อลดไตรเมทิลามีนที่จะเข้าสู่ร่างกายแทน
น้ำผึ้งเดือนห้าเขาว่าดี แต่โรคเดือนห้าเป็นอะไรที่ต้องระวัง ! ถ้าพูดแค่ชื่อ เชื่อว่าหลายคนคงเดาอาการของโรคไม่ได้อย่างแน่นอนครับ แต่โรคนี้มีจริง และเป็นโรคที่คุณควรรู้จัก เพราะมันใกล้ตัวและมีอันตรายไม่น้อยเลย หากปล่อยไว้ไม่รักษาเยียวยา อาจลุกลามจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้เลยครับ
โรคเดือนห้านี้มีต้นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นครับ โดยประเทศญี่ปุ่น มักจะมีธรรมเนียมในการโยกย้าย เลื่อนตำแหน่งในช่วงเดือนเมษายน และเมื่อถึงเดือนพฤษภาคม (เดือนห้า) จะมีพนักงานจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับตำแหน่งใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ หรือไม่สามารถปรับตัวเข้าสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ บวกกับสภาพสังคมของญี่ปุ่นที่กดดัน ยิ่งทำให้พวกเขาเหล่านั้นเกิดความเครียดสูง นอนไม่หลับ วิตกกังวล น้ำหนักเพิ่มหรือลดอย่างผิดปกติ ลุกลามรุนแรงจนก้าวเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า หดหู่ ไปจนถึงอยากฆ่าตัวตาย
โดยหากใครเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีอาการของโรคเดือนห้า ให้ลองออกกำลังกาย ตื่นเช้า ๆ แม้ในวันหยุด แล้วลองไปรับแสงแดดยามเช้า ทานอาหารที่มีแคลเซียมและโปรตีนเยอะ ๆ เพื่อให้ร่างกายกระปี้กระเป่า แต่หากไม่ดีขึ้น ให้รีบปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับการดูแลนะครับ
อกหักไม่ยักจะตายใครกันนะที่เคยบอกไว้ อกหักใครว่าไม่เจ็บครับ และบางครั้งอกหักก็นำไปสู่การเสียชีวิตได้เลยนะ ส่วนหนึ่งเกิดจากการตรอมใจร่วมด้วย
ภาวะหัวใจสลาย (Broken Heart Syndrome) อาการซินโดรมแปลก ๆ นี้ เป็นอาการเจ็บป่วยทางร่างกายจริง ๆ นะครับ ไม่ใช่การเปรียบเปรยความเศร้าจากความผิดหวังในรักแบบที่เราเคยได้ยินกัน โดยโรคหัวใจสลายนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Stress-induced Cardiomyopathy เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบตัวได้อย่างเฉียบพลัน
ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุแน่ชัดของโรคใจสลายนี้เกิดว่าจากอะไร แต่ทางการแพทย์ เชื่อว่าเกิดจาก ฮอร์โมนความเครียดที่สูงขึ้นจากความผิดหวังความเศร้าเสียใจที่ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือเครียดกับเรื่องอื่น ๆ เช่น ครอบครัว ผิดหวังจากงาน บริษัท เจ๊ง ล้มละลาย ฯลฯ จนเป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อหัวใจและนำไปสู่การเป็นหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในที่สุด
เพื่อป้องกันไม่ให้เราเสี่ยงต่อโรคใจสลาย ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และนอกจากฝึกภูมิคุ้มกันทางร่างกายแล้ว ต้องฝึกภูมิคุ้มกันทางจิตใจร่วมด้วยจดจำไว้ครับว่าทุกอย่างมีพบมีจากทุกการสิ้นสุด มีผิดหวังบ้างเป็นธรรมดา แม้วันนี้จะไม่เป็นอย่างหวัง แต่ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอครับ
นี่เป็นโรคแปลกที่แฟรงค์ว่าแปลกที่สุดในลิสต์นี้เลยครับ เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินชื่อโรคนี้เป็นครั้งแรกอย่างแน่นอน ถ้าเราดื่มเหล้า แน่นอนว่าเราก็ต้องมีอาการมึนเมา แต่สำหรับคนที่เป็นโรคกลั่นเหล้าไม่รู้ตัว พวกเขาไม่ต้องกลิ่นเหล้าเพื่อให้เมาหรอกครับ แค่กินข้าว พวกเขาเหล่านี้ก็รู้สึกเมาได้แล้ว
โรคกลั่นเหล้าไม่รู้ตัว หรือ Auto-brewery Syndrome เกิดจากความผิดปกติของการยีสต์ Saccharomyces Cerevisiae ที่อยู่ในลำไส้ครับ โดยยีสต์ดังกล่าว จะทำหน้าที่ในการหมักคาร์โบไฮเดรตในลำไส้มากจนเกินไป จนเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ และถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดจนมีอาการมึนเมาแบบเดียวกับการเมาเหล้านั่นเองครับ ถ้าถามว่าโรคนี้อันตรายยังไง ลองคิดว่า ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคนี้ กินข้าวหรือขนมปังก่อนไปขับรถสิครับ อาการดังกล่าวทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่างมากเลย
โดยการรักษาโรคกลั่นเหล้าไม่รู้ตัวนี้สามารถรักษาได้โดยการกินยาฆ่าเชื้อราชนิดกิน และยากำกัดคาร์โบไฮเดรต และลดการทานอาหารชนิดแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตลง เพื่อให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นเหล้าได้ครับ
และนี่คือ 5 โรคชื่อแปลก แต่อันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ บางโรคแค่ฟังชื่ออาจจะรู้สึกตลกและไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดขึ้นกับเราจริง ๆ แล้วนี่ ขำไม่ออกเลยนะครับ ดังนั้น รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ หรือจะให้ดีมีประกันสุขภาพไว้สักกรมธรรม์เพื่อดูแลตัวเอง เริ่มทำตั้งแต่อายุยังน้อย หรือทำประกันสุขภาพตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่เสี่ยงเป็นโรคร้าย นอกจากเบี้ยประหยัด ยังได้รับความคุ้มครองที่ช่วยเหลือยามเจ็บป่วยด้วย และหากสนใจแต่ไม่รู้ซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี สอบถาม frank.co.th ได้ครับ สามารถโทรสอบถามที่ 02-106-5800 หรือแชทสอบถามในเฟซบุ๊ก frank.co.th ยินดีให้คำปรึกษาจ้า