เวลาเราขับรถทางไกลไปต่างจังหวัด หรือรถติดนาน ๆ เราอาจจะใช้วิธีดีๆ ช่วยฆ่าเวลารถติดได้ แต่กรณีปวดหลัง หรือปวดเมื่อยทั้งตัวระหว่างขับรถล่ะ เราจะต้องแก้ยังไงดี? หากใครที่ปัญหาเรื่องปวดหลังขณะขับรถ สาเหตุนั่นอาจมาจากท่านั่งขับรถของคุณผิดวิธีครับ เลยส่งผลให้คุณปวดกระดูกสันหลัง สะโพกต้นขา และแขนตามมา ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของคุณเท่านั้นนะ ยังมีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วยเช่นกัน ต้องขอบอกเลยว่า “อันตรายมาก ๆ นะ” ด้วยรักและห่วงใยทุกคน วันนี้เพนกวิน Frank จะมาเเนะนำ 8 วิธีท่านั่งขับรถทางไกลให้ถูกต้องมาฝากกันด้วย แถมยังช่วยลดอาการปวดหลังได้ดีเลยล่ะ งั้นเราลองมาปรับท่านั่งขับรถที่ถูกวิธีพร้อม ๆ กันเถอะ...
สำหรับท่านั่งขับรถที่ถูกวิธีอันดับแรก ให้คุณเลื่อนระยะห่างเบาะให้พอดีก่อน เพื่อสามารถเหยียบเบรก และคันเร่งได้ถนัด เพราะถ้าเราปรับระยะห่างเบาะไกลเกินไป ขาก็จะเหยียบเบรกไม่ถึง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา เพราะไม่สามารถเบรกกะทันหันได้ หรือถ้าเบาะใกล้กับพวงมาลัยมากเกินก็จะรู้สึกอึดอัดได้ เพียงแค่คุณปรับระยะห่างของเบาะนั่งให้พอดีกับหัวเข่า โดยเข่างอตัวเพียงเล็กน้อย ไม่ตึงมากเกินไป
สามารถทดสอบเบื้องต้นว่า ท่านั่งนี้สบายจริงไหม ด้วยการเช็กจากส่วนเท้าจะต้องขยับไปมาเพื่อเหยียบเบรก และคันเร่งได้ง่ายที่สุด รวมถึงต้องนั่งห่างจากพวงมาลัยประมาณ 1 ช่วงแขน ให้สะดวกต่อการบังคับทิศทางรถยนต์ การเลือกระยะนั่งที่เหมาะสมจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่เมื่อยล้า บรรเทาอาการปวดหลัง บ่า และหัวไหล่ได้เป็นอย่างดี
ต่อมาให้เราปรับพนักพิงให้เหมาะสมกับตัวเรา เหยียดหลังตรงจนแผ่นหลังแนบชิดกับพนักพิง ซึ่งท่านั่งขับรถทางไกลที่ถูกต้องควรทำมุมประมาณ 110 องศา จะเป็นระดับพอดีกับช่วงกระดูกสันหลัง จึงทำให้คุณรู้สึกสบาย ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ แล้วตรงบริเวณต้นขาก็ควรจะสัมผัสกับที่นั่งทั้งหมด เพื่อรองรับน้ำหนักตัวคุณ
แต่ข้อควรระวังก็คือ ห้ามเอนเก้าอี้ด้านหลังเกินไป หรือมากกว่า 120 องศา เนื่องจากหลายคนคิดว่าเป็นท่านั่งขับรถที่สบายสุด แต่ความจริงแล้วอันตรายนะครับ ทำให้เราไม่สามารถเห็นทางข้างหน้า หรือควบคุมพวงมาลัยได้ยาก หากขับรถท่านี้เป็นเวลานานๆ จะเพิ่มแรงกดทับลงไปที่สะโพก กลายเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดหลังตามมา ดังนั้น คุณควรปรับเบาะให้ถูกต้องกับร่างกายของคุณเป็นหลัก
** กรณีรถยนต์ของคุณ ไม่มีตัวดันหลังให้แนบชิดกับเบาะ สามารถหาหมอน หรือผ้ามาหนุนหลังได้เช่นกัน จะช่วยลดอาการปวดหลังขณะขับรถได้
ตามปกติแล้ว คนที่ไม่สูงมากนักจะต้องปรับเบาะสูงขึ้น เพื่อช่วยให้มองเห็นทางชัดเจน ส่วนคนตัวสูงก็จะต้องปรับเบาะลงมาเพียงเล็กน้อย เพื่อให้มองเห็นทางในระดับสายตา ซึ่งระยะความสูงนั้นจะมีผลต่อกระดูกสันหลัง กรณีอยู่ในระดับต่ำเกินไปก็ไม่เหมาะสมกับส่วนสูงของคุณ อาจจะทำให้กระดูกสันหลังคดได้
ถ้าอยากขับรถยังไงไม่ให้ปวดหลัง แนะนำให้ปรับความสูงโดยเว้นระยะห่างศีรษะกับเพดานรถ ประมาณหนึ่งกำปั้น หรือความกว้างขนาดฝ่ามือ ก็จะช่วยทำให้คุณมองเห็นทาง และขับรถทางไกลแบบสบายมากขึ้น
อีกหนึ่งท่านั่งขับรถที่ถูกวิธี ก็คือ ให้คุณลองปรับระยะห่างของพวงมาลัยอย่างเหมาะสม ต้องอยู่ในช่วงที่สามารถขยับ หรือเอื้อมง่ายที่สุด เช่น ดึงพวงมาลัยเข้าใกล้ หรือผลักออกไปไกลได้ตามถนัด โดยพบว่ารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ นั้น ยังเพิ่มฟังก์ชั่นปรับระยะใกล้-ไกลของพวงมาลัยด้วย จึงทำให้คุณจับพวงมาลัยง่ายมากขึ้น และช่วยลดอาการปวดหลังได้ดี เพราะระยะพวงมาลัยที่ใช้จะช่วยผ่อนคลายอิริยาบทระหว่างขับรถได้ดีเยี่ยมนั่นเอง
** ทั้งนี้การปรับระยะห่างของพวงมาลัย ก็จะขึ้นอยู่กับการปรับระยะห่างของเบาะด้วยเช่นกัน เราก็สามารถปรับได้ตามเหมาะสมครับ เลือกดีไซน์ได้ด้วยตัวเอง
เพราะพวงมาลัยเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ควบคุมทิศทางรถยนต์ ในการจับพวงมาลัยตำแหน่งที่ถูกต้องก็คือ 3 และ 9 นาฬิกา จะช่วยทำให้คุณหมุนพวงมาลัยได้ถนัด และไม่หลุดมือ ซึ่งท่านี้จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยช่วงหัวไหล่ และบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามลำตัวได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็ลองสังเกตช่วงแขนให้งอเพียงเล็กน้อย วางให้พอดีกับพวงมาลัย โดยที่มือทั้งสองข้างของเราต้องไม่เกร็งด้วยนะครับ เพื่อช่วยลดอาการปวดล้าต้นแขน ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับท่านั่งขับรถทางไกลอย่างยิ่ง
** แต่ข้อควรระวังก็คือ ห้ามจับพวงมาลัยมือเดียวนะ เพราะคุณอาจจะเสียการควบคุมขณะจับพวงมาลัย ทำให้พวงมาลัยหลุดมือ จนกระทั่งรถยนต์เสียหลักได้
สำหรับหัวเบาะหรือหัวหมอน แนะนำให้ปรับหมอนอยู่ในช่วงพอดีกับศีรษะของคุณ เพื่อลดแรงกระแทก และอาการบาดเจ็บต้นคอ ไม่ให้ลามไปยังหลังของคุณ เมื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุ หัวเบาะนั้นก็จะช่วยรองรับศีรษะของคุณได้อย่างลงตัว ไม่ให้เป็นอันตรายต่อกระดูกต้นคอ พยายามปรับหัวหมอนในอยู่กลางหลังของศีรษะ เพราะตำแหน่งนี้จะช่วยลดแรงกระเเทกได้ดีที่สุด นอกจากจะเป็นท่านั่งขับรถที่ถูกวิธี ไม่ให้ปวดเมื่อยแล้ว แถมยังปลอดภัยต่อผู้ขับขี่อีกด้วย
ในกรณีไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับรถ อาจจะโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจปรับได้นะ เราทุกคนจึงต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เพราะมันง่ายนิดเดียวครับ เพียงแค่ปรับเข็มขัดนิรภัยให้เหมาะสม แล้วพาดจากบริเวณไหปลาร้าลงมาที่สะโพก แนบกับกระดูกเชิงกราน จะช่วยลดการเคลื่อนไหวของร่างกาย กรณีเกิดอุบัติเหตุจะสามารถรองรับสรีระของคุณได้เป็นอย่างดี แล้วที่สำคัญอย่าลืมล็อกสายเข็มขัดนิรภัยให้แน่นสนิทด้วยนะ
ส่วนคนท้องที่เป็นผู้โดยสารก็ควรคาดเข็มขัดนิรภัยอีกแบบ ก็คือ จัดวางตำแหน่งของสายเข็มขัดนิรภัยพาดเฉียงจากหัวไหล่ แต่ระวังอย่าให้โดนท้อง ส่วนสายที่พาดในแนวนอนจะต้องพาดบริเวณใต้ท้อง หรืออาจใช้ผ้านุ่ม ๆ วางทับก่อนคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อลดการเสียดสีครับ และคำตอบที่ว่าคนท้องขับรถได้ไหม ลองมาอ่านบทความนี้ดูครับ
เมื่อคุณปรับท่านั่งขับรถที่ถูกวิธีแล้ว ก็อย่าลืมปรับกระจกมองข้างและหลังด้วยนะ แนะนำให้เราปรับกระจกเป็นมุมกว้าง โดยกระจกข้างจะต้องตั้งฉากกับตัวรถ ระวังอย่าให้เห็นรถของคุณมากนัก เพราะอาจทำให้ไม่เห็นรถคันอื่น ส่วนกระจกมองหลังให้ปรับแบบตรงๆ เพื่อให้เห็นรถคันหลังที่กำลังขับตามมา ไม่ใช่แค่ปรับไว้เพื่อดูหน้าตัวเองตอนขับรถ แต่มีไว้เพื่อมองเห็นรถคันอื่นที่อยู่รอบตัวรถของคุณนั่นเอง พอหลังจากปรับกระจกรถแล้ว ร่างกายก็จะขยับตัวไปมองกระจกได้ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเอี้ยวตัว เอี้ยวคอไปมาระหว่างขับขี่ จะช่วยลดอาการปวดคอ และปวดหลังได้ดีทีเดียว แถมยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยนะครับ
ทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีปรับท่านั่งขับรถยังไงไม่ให้ปวดหลัง ยิ่งเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาท่านั่งขับรถทางไกลอยู่ ก็สามารถใช้เทคนิคที่เพนกวินแฟรงค์แนะนำมาก่อนได้ อย่างที่รู้กันดีว่าเวลาเราขับรถเป็นนานๆ ก็อาจจะเมื่อยล้า ปวดหลังเป็นธรรมดา ดังนั้น ถ้าเราเลือกท่านั่งขับรถที่ถูกวิธี มันจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้นั่นเอง
หรือถ้าระหว่างขับรถทางไกลคุณรู้สึกเหนื่อยล้าเกินไป ก็ลองหาที่จอดพักรถในจุดพักรถก่อน หลังจากนั้นก็ยืดกล้ามเนื้อ ล้างหน้าล้าตาให้สดชื่นสักหน่อย ร่างกายของคุณก็จะรู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะการขับรถทางไกลบ่อย ๆ ก็ต้องเช็ครถ 5 สิ่งนี้อยู่เสมอ จะเพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณมากขึ้น
แล้วเพื่อความสบายใจ เราก็อย่าลืม “ซื้อประกันรถยนต์” กับ frank.coth กันด้วยนะ จะช่วยคุ้มครองคุณและรถของคุณให้ปลอดภัยทุกเส้นทาง พร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชม. หมดห่วงทันทีหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพียงแค่คุณซื้อประกันรถยนต์ไว้ ก็สบายใจไปเปาะหนึ่งแล้วครับ