เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจของพ่อหลวงของเรา frank คาดว่าเพื่อนๆ คงจะผ่านตากันมาบ้างแล้วนะครับ วันนี้ frank อยากจะเอาเรื่องราวของโครงการหลวงมาเล่าให้ฟังกันซึ่งเป็นโครงการแห่งแรกที่ท่านทรงมีพระราชดำริจัดตั้งขึ้นมาด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ที่นอกจากจะแก้ปัญหาเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าต้นน้ำของชาวเขาที่ในเวลานั้นนิยมการทำไร่เลื่อนลอย แก้ปัญหาเรื่องการปลูกฝิ่นซึ่งเป็นที่มาของยาเสพติดที่ในตอนนั้นระบาดอย่างหนักมากในภาคเหนือ และยังเป็นโครงการต้นแบบที่สามารถเป็นแหล่งความรู้ให้เราได้ศึกษาต่อยอดกันด้วยครับ
ที่มาของโครงการหลวงอ่างขาง
สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่หมู่บ้านผักไผ่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และได้เสด็จผ่านบริเวณดอยอ่างขาง ทรงทอดพระเนตรเห็นว่าชาวเขาส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ทำการปลูกฝิ่นแต่ยังยากจน ทั้งยังทำลายทรัพยากรป่าไม้ต้นน้ำลำธารที่เป็นแหล่งสำคัญต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนอื่นของประเทศได้
จึงทรงมีพระราชดำริว่าพื้นที่นี้มีภูมิอากาศหนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลยและสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับพระองค์ทรงทราบว่าชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อพื้นเมือง และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาวของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่จากชาวเขาในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่ง จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งประธานมูลนิธิโครงการหลวง ใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล ผัก ไม้ดอก เมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานนามว่า “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”
ทำไมเราจึงควรขับรถเที่ยวโครงการหลวงอ่างขาง
สำหรับคนที่ชอบขับรถเที่ยวเพื่อการชมวิวระหว่างทางที่เราขับรถผ่าน ชื่นชอบอากาศหนาว (ได้เอาเสื้อกันหนาว หมวกไหมพรม ถุงมือ และผ้าพันคอออกมาใช้ซะที) ชมวิวหลักล้าน ผลไม้เมืองหนาวสดๆ อวบๆ ปลอดสารพิษ ดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ รวมถึงดอกซากุระเมืองไทย (นางพญาเสือโคร่ง) ซึ่งในหน้าหนาวจะบานสะพรั่งอวดสีชมพูเป็นทิวแถวแล้ว ยังได้มาดูงานที่พ่อหลวงทรงทำไว้ให้พวกเราดูเป็นแบบอย่างของการแก้ปัญหาได้อย่างน่าสนใจ และยั่งยืนด้วย
ลองนึกภาพตามนะครับ เวลานั้นภูเขาแทบจะไม่เหลือต้นไม้เลย ท่านได้เสด็จมาเยี่ยมชาวเขาเพื่อสอบถามปัญหา ตอนนั้นยาเสพติดกระฉ่อนมากที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำชาวเขายังปลูกฝิ่นกันอยู่ ท่านได้ทรงตรัสถามกับชาวเขาเรื่องของค่าแรงที่ได้รับและได้ทรงตรัสว่าจะทำให้มีรายได้สูงกว่าที่เคยได้รับกันอยู่เสียอีก และนั่นก็คือที่มาของผัก-ผลไม้เมืองหนาวของโครงการหลวงที่เราไปซื้อหากันได้ใน “ร้านดอยคำ” ที่ได้มาตราฐานด้านเกษตรอินทรีย์ในระดับโลก ในท้ายที่สุดการแปรรูปผลไม้เหล่านั้นให้เก็บรักษาได้นานขึ้นและได้กลายเป็นสินค้าที่เราสามารถซื้อหากันได้ตลอดทั้งปี
พ่อหลวงของเราได้ทรงแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนจริงๆครับ เพราะการที่ชาวเขามีรายได้ดีขึ้นจะช่วยแก้ปัญหาด้านยาเสพติดได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งแล้ว การทำลายป่าต้นน้ำก็ลดลงไปด้วยเพราะเขามีอาชีพที่มั่นคง และยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในชุมชนอีกที่ทำให้พวกเขาพึ่งพาตัวเองได้อีกด้วยครับ ทรงพระปรีชาจริงๆ นะครับพ่อหลวงของเรา
เส้นทางการเดินทาง
เรื่องโครงการหลวงนี้ต้องมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเองนะครับ ส่วนเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยนะครับ
ร่วมถวายความอาลัย