อ่านเร็วๆ
จากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวและเกิดสึนามิที่จังหวัดฟุคุชิมะและอ่าวเซ็นไดเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งอพยพคนโดยด่วน ทางสถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่นทำให้ Frank ตกใจมากเลยครับเพราะมีเพื่อน Frank หลายคนเลยที่อยู่ที่นั่น ซึ่งก็พวกเขานั่นล่ะครับเป็นคนโพสต์ ลง Facebook ให้เรารู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบ้างและทำให้ Frank ยิ่งประทับใจการป้องกันและแก้ปัญหาของชาวญี่ปุ่น ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่าง Facebook safety check ใน The Earthquake in Fukushima Prefecture แบบเรียลไทม์ทำให้เราทราบความปลอดภัยของเพื่อนเราได้อย่างใกล้ชิดหน่วยวินาทีเลยทีเดียวครับ
ทำให้ Frank คิดถึงผลกระทบที่เกิดจากภัยที่ว่า ซึ่งความน่ากลัวที่สุดของมันก็คือ ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินต่างๆ โดยเฉพาะสินทรัพย์อย่างรถยนต์ที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว เพราะในขณะนั้นระบบขนส่งมวลชนน่าจะปิดให้บริการ Frank เลยอยากพูดถึงการทำประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมภัยธรรมชาติและภัยก่อการร้ายครับว่าประโยชน์ในตอนฉุกเฉินที่เกิดขึ้นนั้นมันมีข้อดีอย่างไร และถ้าเราจะตัดสินใจทำเจ้าประกันที่ว่านี้ ต้องเลือกอย่างไรดี
ก่อนอื่นเลยมารู้จักความหมายของคำนี้กันก่อนนะครับว่าหมายถึง ความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม พายุ ลูกเห็บ แผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิด (แต่บ้านเราไม่มีภูเขาไฟที่รอประทุครับ ข้ามไปได้เลย) ซึ่งไม่รวมถึงไฟไหม้นะครับ (ยกเว้นเกิดไฟป่าขึ้นและรถของเราดันไปอยู่ท่ามกลางไฟป่าพอดี) ส่วนประกันที่ครอบคลุมก็จะมี
ประกันรถยนต์ชั้น 1 พร้อมข้อมูลความคุ้มครองแบบตรงไปตรงมาที่เน้นความคุ้มครองแบบเต็มพิกัดไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก จะเฉี่ยวรั้วบ้าน หรือไปครูดฟุตบาทก็ตามเรียกได้ว่าขับไปไหนก็ได้ครับอุ่นใจทุกเส้นทางจริงๆ เพราะคุ้มครองความเสียหายของรถและคนแบบครบครัน โดยเฉพาะเรื่องของภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม พายุ ลูกเห็บ) และยังรวมไปถึงภัยก่อการร้ายด้วยครับ (แนะนำให้เพื่อนๆ ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเลยครับ) แต่อราคาก็จะสมความคุ้มครองครับ
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ใครๆก็บอกว่าคุ้มค่าที่สุด อยากรู้กันไหมว่าทำไม? เป็นประกันรถที่ค่อนข้างคุ้มค่ามากในสายตาของ Frank เลยล่ะฮะ แต่เราต้องมีประสบการณ์ในการขับขี่มาก่อนเพราะประกันรถประเภทนี้ต่างจากความคุ้มครองของประกันชั้น 1 เพียงอย่างเดียว คือคุ้มครองอุบัติเหตุกับยานพาหนะทางบก (แบบรถชนรถ) เท่านั้นครับ ส่วนความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมเหมือนกันเลยครับ ทั้งภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม พายุ ลูกเห็บ) และรวมไปถึงภัยก่อการร้ายด้วย
ความน่ากลัวที่สุดของภัยธรรมชาติคือ มันไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเลยแม้แต่น้อย
แนวคิดของการทำประกันรถยนต์ จะเน้นไปที่การกระจายความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะชีวิตจริงบนถนนไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ขับรถมีวินัยขนาดไหน สิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น ภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหวในภาคเหนือ หรือภัยก่อการร้ายในภาคใต้ อาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากตัวคุณเองหรือจากคนอื่นที่ใช้ถนนร่วมกับคุณครับ ซึ่งคงดีไม่น้อย ถ้าเราสามารถป้องกันความเสี่ยงแบบเฉลี่ยภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ และเลือกจ่ายได้พอดีกับสิ่งที่เราเลือกด้วยครับ
ตั้งสติกับทุกปัญหาที่เราเจอนะครับ ทุกปัญหาแก้ไขได้เสมอครับ