เรื่องของการขับรถเกียร์ออโต้ หรือเกียร์อัตโนมัติ ที่ใช้เกียร์ D1 D2 D3 และ L แต่ละเกียร์จะมีหน้าที่การทำงานต่างกันไป หากเรารู้จักวิธีขับรถเกียร์ออโต้ที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้คุณขับรถได้อย่างปลอดภัย และช่วยถนอมสภาพรถยนต์ให้คงทน ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
สำหรับคนที่หัดขับรถเกียร์ออโต้ อยากไปเที่ยวตามธรรมชาติชิลๆ แต่ไม่รู้ว่าการขับรถเที่ยวขึ้นลงเขาใช้เกียร์อะไรดี? เพื่อความปลอดภัยทั้งคนขับ และผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน เราควรศึกษาเทคนิคการขับรถด้วยเกียร์ออโต้ให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภทด้วย
ใช้เวลาขับรถขึ้นเขาที่มีความลาดชันสูงมาก เช่น เนินเขา สะพาน หรือภูเขาสูง เวลาที่เราใช้เกียร์ D1 การทำงานอัตราเครื่องยนต์จะอยู่ที่เกียร์ 1 เท่านั้น หากต้องการขับรถลงเขาที่มีความลาดชันมากให้เปลี่ยนจากเกียร์ D มาขับที่ เกียร์ D2 หรือ เกียร์ L แทน เพราะต้องใช้ความเร็วต่ำมากใช้เบรกบ่อย เพื่อลดแรงเหยียบเบรกของเรา ทำให้เรายืดอายุของผ้าเบรกไปได้
เกียร์จะไปสุดแค่เกียร์ 2 ใช้สำหรับการขับรถขึ้นเขาที่ค่อนข้างมีความลาดชัน เป็นเกียร์รถออโต้ที่ให้พละกำลังสูง ทำความเร็วได้ในระดับหนึ่ง แล้วยังช่วยไม่ให้เกิดการล้อฟรี เหมาะกับการขับรถบนถนนลื่นมาก และเสี่ยงต่อการล้อฟรี เช่น หลุมโคลน
เกียร์จะไปสุดแค่เกียร์ 3 เท่านั้น ใช้สำหรับการขับรถขึ้นลงเนินเขาที่ไม่ชันมาก หากเราใช้เกียร์สูง รอบวิ่งจะสูงขึ้น แต่แรงม้าจะต่ำลง
การขับรถเกียร์ออโต้ขึ้นเขาในช่วงเนินแรก อาจจะใช้เกียร์ D ค่อยเหยียบไต่ระดับไปก่อน ให้ควบคุมระบบเกียร์ของเครื่องยนต์ หากขับรถขึ้นเขาที่มีความชันมาก ให้ปรับมาใช้ D3 พื่อให้เครื่องยนต์เร่งขึ้นก่อนแล้วค่อยปรับมาใช้ D เมื่อถึงทางลาดตามปกติ
ส่วนวิธีขับรถเกียร์ออโต้เมื่อต้องลงเขา ก็ไม่ยากเลย! เพียงเริ่มด้วยเกียร์ D เช่นเดียวกัน แต่ถ้าเจอทางลงเขาที่มีความลาดชันมากๆ ให้ปรับเป็น L หรือ D2 เพื่อใช้การขับรถลงเขาหน่วงให้ช้าลง เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
ถึงแม้ว่ารถเกียร์ออโต้จะขับง่ายกว่าเกียร์ธรรมดา แต่การใช้เกียร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานก็เป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เราเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น โดยเฉพาะเวลาขับขึ้นเขาลงที่มีความลาดชัน และสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของรถออโต้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจ่ายค่าซ่อมรถ เวลารถเกิดอุบัติเหตุ ทำประกันรถยนต์ไว้ก่อนจะดีที่สุด ให้ดูแลรถสุดที่รักของคุณไปนานๆ ขับรถเที่ยวไหนก็อุ่นใจขึ้น รับความคุ้มครองเลย!