กลับมาอีกครั้งในช่วงหน้าฝน เราจะมาให้ความรู้ในการเลือกซื้อยางแแบบมืออาชีพ เพราะปัจจุบันทุกคนเมื่อดูยางก็สามารถเลือกซื้อได้เลย เพียงแต่อยากจะให้สังเกตที่สติกเกอร์ที่แปะข้างยางนิดเดียว ว่ายางที่คุณเลือกซื้อนั้นมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง แต่ต้องขอบอกว่าเบื้องต้นจริงๆ นะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้งานรถที่สมรรถนะสูงเน้นใช้งานในเมืองทั่วไป จะได้พอมีไอเดียสำหรับการเลือกซื้อยาง
ปัจจุบันสติกเกอร์ที่แปะข้างยางรถยนต์ จะมีสติกเกอร์ที่บ่งชี้คุณภาพของยาง โดยแบ่งเป็น 3 หัวข้อคือ การประหยัดน้ำมัน ระยะเบรกบนถนนเปียก และ ระดับเสียงเมื่อใช้งาน ทั้งสามส่วนถือเป็นพื้นฐานที่เพื่อนๆ ควรจะรู้ก่อนตัดสินใจซื้อยางสักยี่ห้อรุ่นหนึ่ง โดยตัวบ่งชี้นี้จะเป็น การวัดคุณภาพจาก มอก. เหมือนกันผลิตภัณฑ์อื่นๆ และผู้บริโภคต้องได้สินค้าที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่เหมาะสม ซึ่ง มอก. ได้เอาตัววัดมาตรฐานแบบเดียวกับทางยุโรปใช้ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ ก็ยิ่งสบายใจได้เลยว่ายางทุกเส้นที่ขายในบ้านเรานั้นจะมีคุณภาพมาตรฐานที่ดีแน่นอน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่นำยางยี่ห้อแบบไม่มีคุณภาพมาขาย
เรามาเริ่มกันที่หัวข้อแรกกันก่อนเลย คือ การประหยัดน้ำมัน บนสติกเกอร์จะมีเกรดตั้งแต่ A ไปถึง G โดย A เป็นการประหยัดน้ำมันมากที่สุด โดยมีดัชนีเริ่มต้นที่ 0 ส่วน G คือการประหยัดน้ำนันน้อยที่สุด ทั้งนี้ตั้งแต่เกรด A ถึง G คือยังอยู่ในเกณฑ์ที่ทาง มอก. รับได้เลย โดยความแตกต่างของการประหยัดน้ำมันจาก A ไปถึง G จะอยู่ที่ 7.5% ถือว่าต่างกันเยอะเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราค่าน้ำมันในปัจจุบัน แต่ต้องบอกว่าบางอย่างเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกันอยู่ เพราะว่าการที่ประหยัดน้ำมันยิ่งมาก โดยปกติจะเป็นเรื่องการคืนตัวของยางที่เร็วซึ่งทำให้เกิดแรงต้านทานการหมุนที่น้อย ทำให้ประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าเพื่อนๆ ชอบยางที่เกาะถนนหนึบๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เพราะว่าแรงต้านทานการหมุนก็จะมากไปด้วย ซึ่งส่งผลต่อเรื่องของการประหยัดน้ำมัน เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนๆ เลือกก็อยู่ในเกรดกลางๆ ถือว่าโอเครแล้ว เช่น C , D , E
ส่วนต่อมาก็เป็นเรื่องระยะเบรกบนถนนเปียก ก็จะมีตั้งแต่เกรด A ถึง G เหมือนกันซึ่งเกณฑ์ก็จะเหมือนเรื่องประหยัดน้ำมัน A คือระยะเบรกสั้นที่สุด และ G คือไกลที่สุดแต่ยังอยู่ในระยะของคุณภาพที่รับได้ ซึ่งความแตกต่างอยู่ที่ 18 เมตร ดูเหมือนไม่ค่อยเยอะใช่ไหม แต่ในหลักความเป็นจริงความแตกต่างกัน 18 เมตรนี้ ทำให้เพื่อนๆ ขับรถชนคันหน้าได้ง่ายๆ เลย บนถนนเปียก ยิ่งมีระยะเบรกสั้นเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะว่าพอใช้ยางไปสักพักระยะเบรกก็จะยาวขึ้นไปอีก เพราะว่าร่องระบายน้ำจะตื้นลงไปเรื่อยๆ เลยให้ความสำคัญมากที่สุดเพราะเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัย แนะนำว่าให้อยู่ที่เกรด A-D (D นี้คือถ้าเป็นไปได้ก็เป็นตัวเลือกสุดท้ายนะ) ถือว่าผ่านครับถ้าต่ำกว่านี้ เราไม่ค่อยแนะนำ
ส่วนสุดท้ายก็เป็นเรื่องของเสียงรบกวน การวัดจะไม่เหมือนตัวอื่นๆ เพราะว่าจะมีเป็นสามขีดครับขีดเดียวจะเป็นขีดที่มีเสียงที่น้อยที่สุด ส่วนมากที่สุดก็จะมีสามขีด ก็ยางที่ได้ขีดเดียวส่วนมากจะอยู่ในยางประเภทหรือรุ่นที่เป็นยางนุ่มเงียบ แต่ส่วนนี้ที่เห็นส่วนมากจะอยู่ที่สองขีด คิดว่าเป็นส่วนที่รับได้และไม่มีปัญหาอะไรยางก็เป็นส่วนนึงที่ทำให้เกิดเสียง แต่เรื่องความเก็บเสียงในรถเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เสียงเข้ามาในตัวถังน้อย เพราะฉะนั้นรถเก่าอาจจะต้องทำใจ หรือเปลี่ยนยางขอบประตูเพื่อกันเสียงจากภายนอกเข้าในห้องโดยสารให้มากที่สุด
เป็นส่วนที่ทำให้เพื่อนๆ พอมองภาพออกและสามารถตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่ออยู่ที่หน้าร้านยางก็อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ยางที่ตรงกับการใช้งาน ยางดีมีคุณภาพ พร้อมโปรโมชั่นยางรถคุ้มค่ากับเงินที่เพื่อนๆ จ่ายไป
ไม่ว่าจะใกล้ช่วงเทศกาล หรือเพื่อนๆ จะเดินทางไกลแนะนำให้เพื่อนๆ เช็กรถก่อนออกเดินทางด้วย หากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหน สามารถช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/homeได้เลย ซึ่งมีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆ สามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ ทางไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆ ที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะ) พร้อมกับโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการร้านยาง เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น ซื้อยางรถมั่นใจทุกครั้งที่ไทร์บิด วันนี้ก็ขอขอบคุณมากที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องยาง สอบถามที่ไทร์บิดได้เลย