กลับมาเจอกันอีกครั้ง กับบทความดีๆ ที่อยากมาฝากทุกท่าน วันนี้เราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ขณะนี้กำลังเป็นกระแสแรง เพราะมีปัจจัยค่าน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองได้เห็นถึงอนาคตว่าปัจจัยทางด้านพลังงาน และตัวเลือกทางด้านไฟฟ้า จะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ในปัจจุบันแบรนด์รถหลายๆ แบรนด์ที่เป็นแบรนด์หลักในบ้านเราเริ่มทยอยผลิตรถที่เป็นกึ่งไฟฟ้า หรือที่เรียกกัน HYBRID หรือไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าล้วนมาก็เยอะขึ้นเช่นกัน แต่แบรนด์ในบ้านเรายังไม่พอ ตอนนี้ยังมีแบรนด์จากจีนเริ่มเข้ามาเพิ่มมากขึ้นสำหรับรถไฟฟ้า หรือเรียกกันว่า รถ EV อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะพูดถึงคือ เรื่องของการใช้งานจริง เพราะหลายๆ อย่างยังคงมีปัญหาเมื่อใช้งานในชีวิตจริงอยู่บ้าง
อย่างแรกเลยคือ เรื่องของอะไหล่ เนื่องจากรถไฟฟ้าจะมีอะไหล่ที่ค่อนข้างเฉพาะตัวทำให้เพื่อนๆ ควรเลือกแบรนด์ที่มีอะไหล่และศูนย์บริการที่หลายแห่ง เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษารถ มาดูปัญหาแรกคือ เรื่องระยะทางที่ไปยังจุดบริการ ปัญหาที่สองคือเรื่องอะไหล่ว่ามีพร้อมเปลี่ยนหรือสามารถซ่อมได้ทันทีหรือไม่ ปัญหาที่สามคือเรื่องของคิวการให้บริการต้องยอมรับว่าเรื่องคิว ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างสำคัญในปัจจุบัน เพราะขนาดแบรนด์รถดังๆ หากจะต้องเข้าศูนย์บริการอาจต้องรอเวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะถึงคิวของตัวเรา เพื่อตรวจเช็คแล้วรอสั่งอะไหล่ เท่ากับเราอาจจะต้องจอดรถรอทิ้งไว้เป็นอาทิตย์ถึงสองอาทิตย์โดยไม่มีรถใช้แต่ หากมีนโยบายของแต่ละบริษัทเอามาสนับสนุน ผู้ซื้อรถก็มองว่าจะเป็นเรื่องดีที่ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ มีความพึงพอใจมากขึ้น
อย่างที่สองคือ คือ ประเภทการใช้งานต้องยอมรับว่า รถไฟฟ้าวิ่งกันได้อยู่ 300-400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่ถึงกระนั้นรถประเภทนี้ก็ยังเหมาะสำหรับใช้ในเมืองเท่านั้น เพราะในต่างจังหวัดเพื่อนๆ ยังหาที่ชาร์จได้ยาก ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ หาที่ชาร์จเจอก็อาจจะมีคิวก่อนหน้าที่ต้องรออีก หรือแม้แต่ในแอพมีปัญหาในการแสดงผลแจ้งว่าใช้งานอยู่บางครั้งอาจเกิดจากความผิดพลาดของระบบแอพเชื่อมต่อกับตู้ชาร์จ อาจทำให้เพื่อนๆ เสียเวลาในการเดินทางใช้รถไฟฟ้าไปอีก เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ อาจจะต้องวางแผนเผื่อเวลาให้เยอะขึ้นหากเพื่อนๆ มีความจำเป็นที่ต้องใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางไกล แต่ในอนาคตเราก็เชื่อว่าการรองรับจะดีขึ้น อาจจะภายใน 5 ปี หรือ 10 ปีปริมาณรถไฟฟ้าเยอะขึ้นก็อาจจะมีจุดชาร์จที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นไปได้
วิธีการแก้ปัญหาจริงๆ เราจะทำเหมือน รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่สามารถยกแบตเตอรี่ทั้งลูกออกมาเปลี่ยนได้เลย ทำให้การใช้งานนั้นสะดวกเพิ่มมากยิ่งขึ้น เมื่อแบตเตอรี่รถหมดสามารถไปที่จุดเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยนำเอาแบตเตอรี่ที่จะเปลี่ยนนำไปเปลี่ยนและใส่ก้อนใหม่ได้ในทันทีก็สามารถใช้ได้ต่อเนื่อง ก็ฟังดูน่าจะดีแต่ก็อาจเป็นเรื่องยากเพราะรถแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นมีการใช้แบตเตอรี่ที่ไซส์ไม่เท่ากัน และปริมาณไฟแต่ละจุดที่ไม่เท่ากันเช่นกัน แต่ถ้าอนาคตมีการออกแบบในลักษณะเดียวกัน หรือมีแบรนด์รถไฟฟ้าที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในรูปแบบนี้ได้ก็คงจะช่วยเพิ่มความสะดวก ต่อคนซื้อรถไฟฟ้ามาใช้อย่างแน่นอน
อีกเรื่องหนึ่งที่คนซื้อรถไฟฟ้าต้องคำนึงคือ การชาร์จไฟที่บ้าน โดยปกติไฟบ้านเรานั้นขนาดมิเตอร์โดยปกติจะไม่รองรับ Home Charger ทำให้ทุกท่านที่วางแผนจะใช้รถไฟฟ้าต้องไปเพิ่มแอมมิเตอร์ และวางแผนการเดินสายไฟเพื่อลากสายไฟมาเชื่อมต่อกับ Home Charger ที่จะติดตั้ง เพื่อไม่ให้กระทบกับส่วนพลังงานไฟในตัวบ้านหลัก โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมก็ต้องเรียกว่าหลักหมื่นเลย เป็นอีกส่วนหนึ่งที่อยากจะให้เพื่อนคำนึงด้วย
ถึงเราจะเลือกรถที่เป็นไฟฟ้าแต่รถไฟฟ้าก็ยังต้องใช้ยางรถยนต์กันอยู่ ซึ่งเท่าที่เห็นยังเป็นไซส์ที่มีจำหน่ายอยู่ในบ้านเราอยู่ เพื่อนๆ สามารถเข้ามาเลือกสรรหายางได้ที่เว็บไซต์ www.tiresbid.com มียางให้เลือกได้ตรงกับการใช้งานในเมืองของรถไฟฟ้าแน่นอน พร้อมโปรโมชั่นยางรถพิเศษสุดๆ และอีกไม่นานเชื่อว่าต้องมียางที่สำหรับเฉพาะกับรถไฟฟ้าแน่นอน
หากเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลย มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดยังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆ ที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA: @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) พร้อมรับโปรโมชันยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการร้านยาง เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น