7 การดูแลรักษายางรถยนต์ ก่อนออกเดินทาง

ช่วงนี้อยากจะมาแนะนำเพื่อนๆ ก่อนที่จะออกเดินทางไกล ไม่ว่าจะไปคนเดียวหรือไปเป็นครอบครัว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องเครื่องยนต์ ของเหลวของรถ นั่นคือเรื่องของยางรถยนต์ หากยางรถของเพื่อนๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานจะช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุได้สูงถึง 50% เราอยากจะมาบอกเป็นข้อๆ ว่ามีส่วนไหนบ้างที่ควรจะทำก่อนออกเดินทาง

1. การตรวจสอบลมยางที่ถูกต้องด้วยตนเอง

• ควรตรวจเช็คลมยาง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งหรือมากกว่านั้น และควรปรับลมยางให้ถูกต้องตามคำแนะนำ ของผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อให้ได้ค่าการเติมลมที่เหมาะสมกับน้ำหนักของรถมากที่สุด และเมื่อตรวจเช็ควัดลมยางเราก็ควรตรวจเช็คลมยางเมื่อยางอยู่ในอุณหภูมิปกติ โดยหากแนะนำคือรถหยุดวิ่ง อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือหลังจากวิ่งด้วยความเร็วต่ำไม่เกิน 3 กิโลเมตรแต่หากมีความจำเป็น ต้องตรวจเช็คลมยางเมื่อยางร้อน ให้บวกเพิ่มอีก 3-5 PSI จากค่าแนะนำเพราะว่าเมื่อลมร้อนค่าลมยางนั่นจะสูงกว่าปกติอยู่แล้ว เช่น ค่าเติมลมที่ข้างประตูคนขับบอกให้เติมอยู่ที่ 35 เราก็ควรเติมอยู่ที่ 38 เป็นต้นไป เพื่อให้เวลายางเย็นตัวลงจะหกลงมาเหลือ 35 ตามค่าที่ควรเติม

2. ไม่อยากเช็คลมบ่อย เติมลมไนโตรเจน

• ตรวจเช็คลมยางตามคำแนะนำข้างต้น ถึงแม้จะเติมลมยางด้วยไนโตรเจนแล้ว ถึงแม้ว่าลมไนโตรเจนจะมีอัตราการลมซึมที่ช้ากว่าปกติ แต่กระนั้นเราควรเช็คลมอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้ลมยางนั้นอยู่ในค่าที่เหมาะสมกับตัวรถตลอดเวลา ยิ่งลมเหมาะสมกับน้ำหนักรถมากเท่าไหร่จะยิ่งทำให้อายุการใช้งานของยางเพิ่มขึ้น และทำให้ยางสามารถใช้งานได้เต็มสมรรถนะอีกด้วย

3. ลมยางหายบ่อย อันตรายกว่าที่คิด

• หากลมยางหายไปเร็วกว่าปกติ ควรให้ผู้ชำนาญการตรวจสอบทั้งภายนอกและภายในท้องยาง รวมไปถึงสภาพของกระทะล้อและวาล์วเติมลมด้วย ไม่ควรดูแค่ภาพนอกเท่านั้น บางทีรอบรั่วรอยซึมอาจมีลักษณะเล็กมากๆ จนไม่เห็นความผิดปกติภายนอก อาจจะแนะนำทางที่ดีอีกทางคือ การแช่น้ำเพื่อดูว่ามีลมยางออกจากส่วนไหนหรือเปล่า ต้องบอกว่าบางทีก็อาจไม่เห็นเพราะรูเล็กมากถึงกับต้องถอดยางมาดูถึงจะเห็นจากด้านใน

4. ยางสึกหรอผิดปกติ เกิดจากสาเหตุอะไร

• หากพบอาการยางสึกผิดปกติ เช่น สึกไม่เท่ากันในแต่ละล้อหรือยางสึก ควรเข้าเช็คให้เร็วที่สุดเพราะปัญหานี้ส่วนมากเกิดจากปัญหาช่วงล่างควรซ่อมแซมช่วงล่างให้เรียบร้อย หากยางของเพื่อนสึกเป็นบั้ง ต้องบอกเลยว่าไม่มีทางที่จะทำให้ยางกลับมาสึกเรียบเหมือนเดิม ดังนั้นเราควรแก้ไขทันทีสำหรับการสึกผิดปกติ ไม่งั้นเสียทั้งค่าช่วงล่างทั้งค่ายางใหม่แน่ๆ

5. ยางเสียหายแบบใด ที่ควรเปลี่ยนด่วน

• ควรให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจสอบยางอย่างละเอียดทันที เมื่อสังเกตพบ รอยฉีกขาด เจาะทะลุ อาการบวม หรือร่องรอยความเสียหายอื่นๆ ไม่ควรใช้ยางที่เสียหาย เพราะอาจส่งผลต่อการใช้งานในระยะยาว  โดยเฉพาะกรณียางบวม เพื่อนๆ หลายท่านอาจจะปล่อยไว้ก่อนแต่รู้ไหมครับว่ายางบวมนี้คือ ยางรอแตกแล้วนะ เพราะโครงสร้างยางเสียหายแล้วลมแทรกมาอยู่ชั้นเนื้อยางแล้ว

6. รถยนต์มีอาการแบบนี้ รีบตรวจเช็คให้ไว

• เมื่อสังเกตพบอาการผิดปกติของยางขณะใช้งาน เช่น สั่น เสียงดังผิดปกติ หรือมีอาการดึงไปด้านใดด้านหนึ่ง ควรเข้าตรวจเช็ครถและยางทุกครั้ง เพราะนอกจากการผิดปกติของยางแล้วอาจจะเกิดจากปัญหาอื่นๆ ก็เป็นได้

7. เช็กยางเสื่อมสภาพ ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว

• หากสังเกตพบถึงความผิดปกติของเนื้อยางจากการใช้งานยางที่นานเกินไป เช่น แตกลายงา หรือใช้มานานแล้วยางก็ไม่สึกหมดสักที ก็ควรให้ช่างเช็คว่าควรเปลี่ยนยาง เพราะบางทียางอาจจะตายและแข็งมากจนอัตราสึกช้ามากๆ หรือไม่ว่าจะเป็นการแตกลายงาที่ลึกถึงโครงยาง ทางช่างผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำกับเพื่อนว่าควรเปลี่ยนหรือยังใช้ได้

เรียกว่าเป็น 7 วิธีการดูแลรักษายางรถยนต์ของทุกคน เพื่อให้ยางของเพื่อนๆ ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และ ใช้อายุได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น