นอกจากประกันรถยนต์แล้ว Frank อยากบอกกับเพื่อนๆ ว่า Insurtech เป็นอาณาจักรเทคโนโลยีที่กว้างใหญ่ไพศาลมากครับ เช่นที่ Frank จะพาไปดูในวันนี้เป็นเรื่องของประกันบ้าน ซึ่งในการซื้อขายประกันภัยบ้านรูปแบบเดิมๆ การคำนวณค่าใช้จ่าย รวมถึงความเสี่ยงต่างๆ ต้องอาศัยเวลาและความแม่นยำในการวิเคราะห์ของมนุษย์ แต่เมื่อนำมาพ่วงเข้ากับ Insurtech ที่ ความรวดเร็วที่เกิดขึ้นจึงแทบจะเรียกได้ว่า Insurtech คำนวณประกันสำหรับเจ้าของบ้านได้ภายใน 5 วินาที เลยล่ะครับ น่าสนใจใช่มั้ยครับ มา Frank จะพาไปดู
สงสัยมั้ยครับว่าบริษัทประกันภัยบ้านอย่างสวีฟฟท์(Swyfft) ในประเทศอเมริกาทำไมถึงเอาชนะบริษัทอื่นๆ ขึ้นไปคว้ารางวัลธุรกิจประกันภัย Celebrate excellence in insurance. Join us at the Insurance Business Awards ซึ่งจัดขึ้นที่ชิคาโก้ เมื่อปีที่แล้ว นั่นก็เพราะว่าสวีฟฟท์นำเอา Insurtech เข้ามาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ โดยฌอห์น เมห์เออร์ ผู้ร่วมก่อตั้งสวีฟฟท์ได้กล่าวถึงธุรกิจของเขาว่า
“ประกันเป็นเรื่องประหลาด มันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่รู้จักกันทั่วไป และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้น้อยมาก... มีคนจำนวนไม่มากนักที่จะให้เวลาศึกษาเรื่องประกันของเจ้าของบ้านอย่างจริงจัง ดังนั้นตัวแทนจึงต้องได้รับการฝึกฝนมาให้เล่นบทที่ปรึกษาได้ ซึ่งผมมั่นใจว่านั่นน่าจะเป็นที่ต้องการในระยะยาว”
วิธีการปรับใช้ Insurtech ของสวีฟฟท์คือการฝึกฝนให้นายหน้าอิสระ ใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ผูกเข้ากับการคำนวณประกันเพื่อให้เกิดการเลือกสรรประกันภัยที่เหมาะกับเจ้าของบ้านได้ในเวลาเพียง 5 วินาที โดยใช้เพียงการระบุที่อยู่เท่านั้น นี่ล่ะครับที่ Frank มองว่ามันคือความเจ๋งของ Insurtech ซึ่งจะคำนวณ ปรับแต่ง สำรวจ แจ้งปัญหา แล้วส่งอีเมล์ใบเสนอราคารวมถึงความคุ้มครองไปที่ตัวแทน เพื่อมอบความคุ้มครองให้แก่เจ้าของบ้านได้ในเวลาไม่ถึงนาที ในปัจจุบันสวีฟฟท์มีตัวแทนอิสระที่จดทะเบียนกับบริษัทกว่าพันคนทั่วประเทศ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และแน่นอนว่าหาก Insurtech นำมาผูกเข้ากับธุรกิจประกันภัยบ้านได้ด้วยการระบุเพียงที่อยู่ การนำมาผูกพ่วงกับธุรกิจอื่นๆ เพื่อมอบความคุ้มครองส่วนบุคคลแก่ลูกค้าก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เช่นบริการประกันภัยรถยนต์ของ Frank เองก็นำเอา Insurtech มาใช้ ผลลัพธ์ก็คือ คุณจะเช็คเบี้ยได้ในเวลาไม่กี่วินาทีเช่นกัน ไม่เชื่อลองดูได้เลยครับ และเมื่อธุรกิจประกันภัยถูกพัฒนาจนเติบโตถึงขั้นให้บริการประกันภัยส่วนบุคคลได้ หากวันนั้นมาถึงผู้ชนะในเกมนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้น อกคุณๆ ที่เป็นลูกค้า
แม้ธุรกิจประกันภัยบ้านของสวีฟฟท์จะเป็นธุรกิจเชิงเดี่ยวสายเล็กๆ แต่ในโลกนี้ยังมีธุรกิจลักษณะเดียวกันนี้อีกมากเลยครับที่สามารถเชื่อมโยงเข้ากับประกันด้วย Insurtech ได้ ซึ่งฌอห์น เมห์เออร์ มองว่าอีกไม่กี่เดือนการตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อของลูกค้าจะมาจากความรวดเร็วในการคำนวณความคุ้มครอง ซึ่งจะทำให้การซื้อประกันบ้านง่ายขึ้นอีกมาก
ความสะดวกสบายในการใช้งาน Insurtech ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลยครับ และในอนาคตสวีฟฟท์มีแผนการเสนอขายประกันภัยเต็มรูปแบบให้กับเจ้าของบ้าน เพราะมองเห็นโอกาสที่ธุรกิจนี้จะเติบโตได้อีกมาก และด้วย Insurtech การคุ้มครองทั้งบ้านและเจ้าของในเวลาเดียวกันจะไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป และสวีฟฟท์เชื่อว่าด้วยความง่ายนี้เอง ที่จะทำให้สามารถดึงบรรดาเจ้าของบ้านให้เข้ามาใช้บริการกับสวีฟฟท์ได้ แม้แต่คนรุ่นเก่าที่อนุรักษ์นิยมก็ตาม เป็นเรื่องที่ดีมากเลยใช่มั้ยครับ ที่แม้เทคโนโลยีจะก้าวไปข้างหน้า แต่กลับไม่ทิ้งคนยุคก่อนไว้ข้างหลังแบบนี้
สวีฟฟท์พร้อมจะกระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้เต็มตัวในเวลาอีกไม่นานนัก เพราะเชื่อว่า Insurtech จะเปลี่ยนโครงสร้างการขายประกันแบบเดิมได้ และเปิดโอกาสให้กับสายธุรกิจของเขา ซึ่งหากสวีฟฟท์ทำได้ ทำไมธุรกิจอื่นๆ จะทำไม่ได้
อ้างอิง: http://www.insurancebusinessmag.com