สวัสดีทุกท่าน วันนี้กลับมาไขข้อสงสัยให้กับเพื่อนๆ เกี่ยวกับเรื่องยางรถยนต์ หลังจากซื้อยางรถยนต์ใหม่เราจะเห็นได้ว่า มีป้ายสติกเกอร์บ่งชี้ถึง 3 คุณลักษณะของยาง คือ การประหยัดน้ำมัน เบรกบนถนนเปียก และ มลพิษเสียงที่ยางส่งเสียงออกมา ส่วนนี้เป็นมาตรฐานของทาง EU ที่ยางเส้นหนึ่งควรจะเป็น บางท่านยังมีข้อสงสัยกันอยู่ ว่าแต่ละการทดสอบมันทำอย่างไร และ อ้างอิงอย่างไรบ้าง ในแต่ละหัวข้อทำไมเค้าถึงต้องตั้งหัวข้อพวกนี้บ้าง
ตัวแรกคือ เรื่องของการประหยัดน้ำมัน ตัวนี้จริงๆ การที่วัดว่าตัวยางไหนประหยัดน้ำมัน การทดลองจะเป็นการวัดจากแรงต้านทานการหมุนของยาง เมื่อถูกทดสอบในห้องปฏิบัติการ โดยแรงต้านทานการหมุนจะทำให้เกิดการสูญเสียของพลังงานยิ่งแรงต้านทานการหมุนเยอะเท่าไหร่ ยิ่งใช้พลังงานเยอะ ส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งแรงต้านทานการหมุนนั้นเกิดได้จากการเสียรูปไม่ยืดหยุ่นของยาง โดยค่าสัมประสิทธิ์ต้านทานการหมุน (N/kN) สามารถวัดค่าได้ดังนี้ อย่างเกรด A (แรงต้านทานการหมุน ≤ 6,5) เกรด B (6,6 ≤ แรงต้านทานการหมุน ≤ 7,7) เกรด C (7,8 ≤ แรงต้านทานการหมุน ≤ 9,0) เกรด D (9,1 ≤ แรงต้านทานการหมุน ≤ 10,5) เกรด E (แรงต้านทานการหมุน ≥ 10,6)
โดยที่เราเปรียบเทียบกัน จาก A ไป E แตกต่างกันอยู่ที่ 7.5% ของการประหยัดน้ำมัน เราชวนคิดกันว่า ทำไม EU ถึงกังวล หรือต้องทดลองเรื่องนี้เพราะเค้าชัดเจน ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใช้พลังงาน ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ยิ่งลดได้มากเท่าไหร่ ยิ่งดีต่อสภาพแวดล้อมของโซนบ้านเค้า การทดลองนี้แน่นอนเค้าจะเริ่มการใช้แรงกดเริ่มจาก 0 ไล่ไปเรื่อยๆ ว่ายางนั้นมีแรงต้านทานการหมุนอยู่ที่เท่าไหร่ ไล่จากน้อยไปหามาก
ตัวที่สอง คือ เรื่องของเบรกบนถนนเปีย เพราะการที่เราใช้งานยางรถยนต์นั้น ต้องกังวลในเรื่องของความปลอดภัยเพราะเมื่อใช้งานบนถนนเปียก มีโอกาสทำให้เกิดระยะเบรกที่ยางขึ้น โดยการทดสอบจะวัดว่าแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นมากน้อยเท่าไหร่ ขั้นตอนการทดสอบจะใช้ความเร็วอยู่ที่ 80-85 กิโลเมตร/ชั่วโมง และทดลองเบรกที่ถนนเปียกโดยมีน้ำขังอยู่ที่ความสูงประมาณ 1.5 มม. กรณีเหมือนกับฝนตกไม่หนัก แล้วทดลองเบรกจากการทดลองจะพบว่า จากเกรดที่ดีที่สุด และ เกรดที่แย่ที่สุดจากเกรด A ถึง G นั้นจะมีความแตกต่างกันถึง 18 เมตร แปลว่า ถ้ายางที่ยิ่งได้เกรด A จะมีระยะเบรกสั้นมากกว่าบนถนนเปียก เท่ากับยิ่งปลอดภัยมากกว่า
ส่วนสุดท้ายคือ เรื่องเสียงแน่นอน ตรงตัวเลยว่ายางตัวนั้นๆ เสียงดังขนาดไหน สามารถเช็กได้จากตัวเลข ถือเป็นค่า Decibel (dB) ที่ยางส่งเสียงออกมา ต้องบอกแบบนี้ การที่ยางนั้นส่งเสียงออกมามากๆ ทางสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นมลพิษทางเสียง ถ้าเกินค่าที่กำหนดถือว่าไม่ควรที่จะนำมาใช้ เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ส่วนสุดท้ายเป็นเรื่อง Tire Class เป็นประเภทยางที่ใช้สำหรับรถประเภทไหน โดยส่วนมากจะเป็นยาง C1 เหมาะสมสำหรับรถเก๋ง รถ SUV และ รถกระบะ แต่ถ้าเป็น C2 เป็นกลุ่มยางที่ประเภทรถของรถบรรทุก
ทั้ง 4 ส่วนที่อธิบายไปนั้น เป็นสิ่งที่ต้องมีบนยางทุกเส้นในปัจจุบัน ข้อบ่งชี้ที่ทาง มอก. กำหนด เป็นสิ่งที่ดีในเรื่องของทั้งความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และเราทุกคนควรดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะปริมาณมลพิษ และก๊าซเรือนกระจก นับวันจะยิ่งมีปริมาณเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหายางรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมที่ดีขึ้น สามารถเข้าไปได้ที่ www.tiresbid.com
สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเช็กยางใหม่ เปลี่ยนยางใหม่ สามารถเข้ามาเช็กได้ที่เว็บไซต์จอง Tiresbid เป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายยางรถยนต์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้เพื่อนๆ เลือกซื้อยางสะดวกเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งเลือกยางและบริการครบวงจร หากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนดีและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลย
มีแบรนด์สินค้าให้เลือกมากที่สุดรวม 18 ยี่ห้อชั้นนำ และกว่า 80 รุ่นยอดนิยม สามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดยังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ติดตามข่าวสารอัพเดทใหม่ได้ที่ Tiktok @Tiresbidofficial และ YouTube @TiresBid
เพื่อนๆ ที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA: @tiresbid (เติม@ด้วยนะ) พร้อมรับโปรโมชันยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการร้านยางใกล้บ้าน เปลี่ยนยางถึงบ้าน และจัดส่งทั่วไทย Fast service ทุกรูปแบบรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยางง่ายขึ้น วันนี้เราขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตาม หากมีโอกาสหน้าจะนำความรู้ดีๆ มาฝากทุกคนใหม่ ไว้เจอกัน !!