เอาจริงๆ ก็ไม่อยากจะใช้คำว่ายอดฮิตเท่าไหร่ เพราะคงไม่มีใครอยากเป็นโรคร้ายแรง แต่โรคภัยไข้เจ็บนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้จริงๆ ส่วนสาเหตุที่คนไทยเริ่มป่วยจำนวนมาก ก็มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ เช่น บางคนต่างก็เร่งรีบทำงานและตึงเครียดมากเกินไป จนไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือดูแลตัวเอง นับว่าเป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงอย่างยิ่ง และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาภายหลัง แบบไม่รู้ตัว !! แล้วสิ่งที่น่ากังวลใจอยากมากก็เรื่องค่ารักษาพยาบาลในกลุ่มโรคร้ายแรงที่มีค่ารักษาตัวค่อนข้างสูง หากคุณไม่รีบวางแผนดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ คุณจะรับมือกับโรคร้ายแรงเหล่านี้ได้อย่างไร?
วันนี้เพนกวิน Frank.co.th จึงขอรวบรวม 5 อันดับโรคร้ายแรงยอดฮิตของคนไทยมาฝากกัน เพื่อจะได้หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น แล้วโรคไหนจะติดอันดับบ้างนะ? เราลองมาดูกัน
ทุกวันนี้โรคมะเร็งก็ยังครองโรคร้ายแรงอันดับหนึ่งอยู่ กลายเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว และคร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด ซึ่งล้วนแล้ว เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การกินอาหาร สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือตากแดดมากเกินไป ทั้งหมดนี้ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคมะเร็งต่างๆได้ ดังนั้น Frank จึงขอมาสรุปอันดับโรคมะเร็งที่ยอดฮิตของคนไทยคร่าวๆ มาฝากกันด้วย
พบในผู้หญิง : สำหรับมะเร็งเต้านม ถือเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยสุดในผู้หญิง และมีโอกาสจะพบสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการกินอาหารที่มีไขมัน แล้วไม่ออกกำลังกาย หรือได้รับรังสีในปริมาณสูง ก็เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม นอกจากนั้นยังพบมะเร็งปากมดลูกตามมาอีกด้วย อันนี้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แบบเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง มักจะพบตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป ส่วนคนอายุน้อยก็เป็นได้นะ
พบในผู้ชาย : โรคมะเร็งที่พบในผู้ชายมากที่สุดอันดับหนึ่งก็คือ มะเร็งตับ ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมชอบทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ไหม้เกรียม อาหารที่มีเชื้อรา อาหารที่ใส่สารกันบูด หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน และรองลงมาก็จะเป็นมะเร็งปอด โรคนี้เกิดจากการสูบบุหรี่ สูดดมมลพิษ หรืออากาศที่มีฝุ่นละออง หากสูดดมเข้าสู่ร่างกายมากๆ ก็จะส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งสูงกว่าคนอื่น
นอกจากนี้พฤติกรรมการกินอาหารประเภทปิ้ง ย่าง และรมควันนั้น จะมีสารที่เรียกว่า “พีเอเอช” เกิดจากการเผาไหม้ของเนื้อสัตว์ หากเรากินเข้าไปเป็นจำนวนมาก ก็จะสะสมเข้าร่างกาย จนเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้เช่นกัน
สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจ ก็ได้จัดอันดับต้นๆ ตามมา นับเป็นภัยโรคร้ายแรงใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตัน จนไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ดี ทำให้เลือดนำออกซิเจนไหลผ่านน้อยลง อาจเกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย และหายใจไม่สะดวก ส่วนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจก็คือ การกินอาหารที่มีไขมัน หรือน้ำตาลสูง และไม่ยอมออกกำลังกาย รวมถึงปัจจัยความเครียดก็ส่งผลนะ ยิ่งถ้าทำงานหนักมากจนเกินไป ก็ต้องระวังกันเป็นพิเศษ เพราะบางคนก็ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นโรคหัวใจ พอมารู้ตัวทีหลังก็สายเกินไปซะเเล้ว เพนกวิน Frank แนะนำให้คุณหมั่นตรวจสุขภาพบ่อยๆ หากเกิดอะไรขึ้นจะได้รักษาอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ผลวิจัยยังพบอีกด้วยนะว่า โรคหลอดเลือดหัวใจจะพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่ใกล้หมดประจำเดือน ก็เกิดโอกาสเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจเหมือนกัน
เชื่อว่าใครหลายคนก็คงรู้จัก “โรคเบาหวาน” กันมาก่อน อีกหนึ่งสัญญาณเตือนภัยใกล้ตัวที่เตือนว่า คุณกำลังมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ !! อันเนื่องมาจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ร่างกายเกิดภาวะเเทรกซ้อนต่อระบบต่างๆ เช่น ตา ไต ตับ จนถึงระบบประสาท เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ ดังนี้
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ก็มาจากพฤติกรรมการกินเช่นกันนั่นแหละครับ โดยเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงอย่างเช่น แป้ง และน้ำตาล หากกินเป็นปริมาณมากๆ ก็ทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดสะสมมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังรู้หรือไม่ว่า? โรคเบาหวานยังเป็นโรคทางพันธุกรรมอีกด้วยนะ สมมุติว่าคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน ไม่ว่าจะเป็น ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ แสดงว่าก็มีโอกาสเสี่ยงเกิดโรคเบาหวานขึ้น ถึงแม้ว่าพันธุกรรมจะเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่คุณก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินได้นะ ด้วยการลดปริมาณน้ำตาล หรือดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม แล้วความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานก็จะลดลง ก็อย่างที่เขาบอกกันว่า ชีวิตที่ดี เริ่มต้นจากการกินยังไงล่ะ !!
*** สำหรับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เราจะต้องอดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงก่อนตรวจ โดยระดับน้ำตาลในเลือดปกติจะมีค่าอยู่ที่ 70-100 mg/dL ถ้าหากผลการตรวจวัดพบกลูโคสในเลือดมากกว่า 100 mg/dL ก็แปลว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
เมื่อกล่าวถึงโรคความดันโลหิตสูง ก็เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายแรงยอดฮิตของคนไทยเช่นกัน และเป็นโรคที่มักไม่ค่อยแสดงอาการออกมา ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงนั้น มีอยู่หลายอย่าง เช่น เกิดจากพันธุกรรม ภาวะโรคอ้วน พฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด รวมถึงผลข้างเคียงของยาและความเครียด เพราะเนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง และชอบทานอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เหตุผลนี้เองจึงทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าปกติ
อาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยง : จะเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง และชอบทานอาหารเค็มจัด เช่น เนื้อสัตว์ทอด ไส้กรอก เบคอน แกงกะทิ น้ำปลา อาหารแช่แข็ง ผงชูรส ชา กาแฟ และขนมหวานต่างๆ ซึ่งบางอย่างก็อาจจะทานได้เล็กน้อย ตามปริมาณจำกัด แต่หากทานเข้าไปทุกวัน แล้วไม่ยอมออกกำลังกายนะ ก็ย่อมมีโอกาสเสี่ยงสูง
*** สำหรับค่าความดันโลหิตปกติ คือ 120/80 มม.ปรอท หากสูงเกินกว่า 120 ก็เริ่มมีภาวะเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง
หลายคนเคยเข้าใจว่า “โรคไต” จะเป็นได้กับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ปัจุบันนี้ก็เริ่มเห็นหนุ่มสาววัยทำงาน และวัยเด็กเสี่ยงเป็นโรคไตกันมากขึ้น ล้วนมาจากพฤติกรรมการกินทั้งนั้น โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเค็มจัด เช่น เนื้อหมักเค็ม ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ปลาส้ม เต้าเจี้ยว อาหารดอง อาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว หรือซอสปรุงรสเทียม ทั้งหมดนี้จัดเป็นสารอาหารที่มีสารโซเดียมและโพแทสเซียมสูง ส่งผลให้ระบบไตทำงานลดลง จนกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือทำให้หัวใจเต้นผิดปกติได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่เสี่ยงต่อโรคไตอีกด้วยนะ เช่น การดื่มน้ำน้อย การทำงานหนัก ความเครียด หรือการสูบบุหรี่ เป็นต้น สำหรับวิธีรักษาก็จะเป็นการฟอกเลือด ฟอกไตและปลูกถ่ายไต โดยเราจะพบเห็นการรักษาบ่อยตามโรงพยาบาล หรือสถาบันโรคไต จนกลายเป็นอีกหนึ่งโรคร้ายแรงที่ติดอับดับต้นๆ ของคนไทย
อย่างที่เคยได้ยินมาว่า การไม่มีโรคนั้น เป็นลาภอันประเสริญ เพราะการมีสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการอยู่แล้ว และสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการดูแลตัวเอง เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ แม้แต่ความเป็นอยู่ก็ต้องสะอาด ถูกหลักอนามัย รวมถึงปรับพฤติกรรมต่างๆ เช่น นอนหลับให้เพียงพอ ลดความเครียด ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่สูดดมฝุ่นหรือมลพิษ หากเราหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงนี้ได้
แล้วที่สำคัญก็อย่าลืมมองหาประกันโรคร้ายแรงเผื่อไว้กันด้วยนะ เวลาเกิดเจ็บป่วยหรือไม่สบายด้วยโรคร้ายแรง แล้วจำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน อาจจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ถ้าคุณทำประกันโรคร้ายแรงเผื่อไว้ล่วงหน้า ประกันโรคร้ายแรงจะเข้ามาช่วยดูแลค่าใช้จ่ายตรงนี้ให้ พูดแบบเข้าใจง่ายๆ ก็เปรียบเสมือนการออมเงินสำรองไว้ เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย อันนี้ก็จะคอยช่วยดูแลคุณและคนในครอบครัวของคุณได้ ดังนั้น การวางแผนเรื่องของสุขภาพ หรือซื้อประกันโรคร้ายแรงเข้ามาเสริม ก็จะช่วยคุ้มครองความเสี่ยงในกรณีที่คุณเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่นี้ก็คุณก็จะได้ใช้ชีวิตแบบสบายใจมากขึ้น