เข้าสู่หน้าร้อนกันแล้ว ไปไหนมาไหนก็ต้องเตรียมตัวซะหน่อย ยิ่งอุณหภูมิสูงแบบนี้ก็กลัวว่ารถยนต์จะร้อนผิดปกติ อาจทำให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ใช้งานหนักมากเกินไป หรือระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์มีปัญหา ก็ส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนสูง มีควันพุ่งออกได้เช่นกัน !! จนกลายเป็นปัญหาหลักที่รถทุกคันแทบไม่อยากเจอ ด้วยเหตุนี้เอง Frank.co.th จึงอยากแนะนำทางออกที่ดีที่สุดให้กับคุณ และหยิกยกเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับวิธีแก้ไขเครื่องยนต์ร้อน เพื่อให้รับมือได้ทันเวลา ฉบับรู้ลึกรู้จริง แล้วเราจะต้องทำอย่างไรบ้างนะ ? มาอ่านกันเลย
หากว่าคุณกำลังขับรถอยู่ดีๆ แล้วมีไฟแจ้งเตือนความร้อนขึ้น เป็นลักษณะเข็มพุ่งอยู่ในเขตสีเเดง ให้รีบเปิดไฟขอทางเพื่อเลี้ยวจอดเข้าข้างทางทันที ไม่ควรฝืนขับรถต่อไป มันจะยิ่งทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้นกว่าเดิม จนเกิดควันไฟขึ้นหรือรถส่งกลิ่นเหม็นไหม้ได้ แนะนำให้คุณปิดแอร์ก่อน หลังจากนั้นรอให้ความร้อนลดลงจึงค่อยดับเครื่องยนต์ แต่ไม่ควรดับเครื่องกระทันหัน เพราะโลหะต่างๆ จะหดตัวทำให้รถยนต์พังง่ายขึ้น
เมื่อจอดรถในที่ปลอดภัยแล้ว ต่อมาเราก็จะเปิดฝากระโปรงรถยนต์ อย่างน้อยประมาณ 20 -30 นาที เพื่อระบายความร้อน หลังจากเครื่องยนต์เย็นลง ก็ลองเช็คในห้องเครื่องยนต์ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะระบบระบายความร้อน ซึ่งอุปกรณ์จะประกอบไปด้วย หม้อน้ำ ฝาหม้อน้ำกับถังพัก ท่อน้ำ วาล์วน้ำ และปั๊มน้ำ ทั้งนี้เราสามารถตรวจสอบเบื้องต้นก่อนได้ ดังนี้
ง่ายๆ เพียงแค่เช็คปริมาณระดับน้ำในหม้อน้ำ ว่าลดลงจากขีดกำหนดหรือไม่ และให้สังเกตสีของน้ำยาหล่อเย็นที่อยู่ในหม้อน้ำ ถ้าเปลี่ยนสีไปจากเดิม เช่น น้ำเริ่มเป็นสีสนิม ก็ควรเข้าศูนย์บริการ เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น และสิ่งสำคัญมากๆ ก็คือ ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องยนต์ร้อนอยู่ เนื่องจากน้ำที่ร้อนระอุนั้น อาจจะพุ่งเข้าสู่หน้าเราได้ !! ดังนั้น ควรรอให้เครื่องยนต์เย็นตัวลงไปก่อน
ให้เปิดฝาหม้อน้ำออกโดยใช้นิ้วมือลูบบริเวณซีลยาง เช็คว่ามีชิ้นส่วนใดกรอบแตก หัก หรือหลุดหายบ้างหรือไม่? หากพบว่าผิดปกติมีรอยแตกให้เดาก่อนว่าตัวฝาหม้อน้ำมีปัญหา แล้วลองใช้มือกดสปริงตรงกลางดูว่าซีลยางนิ่มหรือไม่ ถ้าทุกอย่างเป็นปกติ แสดงว่าสามารถใช้งานต่อไปได้
ลองเช็คเบื้องต้นก่อนด้วยการบีบท่อน้ำ ถ้านิ่มแสดงว่าท่อน้ำยังคงใช้งานได้อยู่ แต่หากบีบแล้วเเข็งๆ คาดว่าน่าจะเสื่อมสภาพให้เปลี่ยนใหม่ด่วน เพราะท่อน้ำจะเป็นทางเดินของหล่อน้ำเย็น จะคอยรับแรงดันของน้ำเย็นที่สูงขึ้น และลดลงตามอุณหภูมิ อันนี้เราสามารถตรวจเช็คได้เลย
หรือเรียกอีกอย่างว่าเทอร์โมสตรัท สามารถตรวจสอบเพียงแค่มือสัมผัส โดยให้จับท่อยางทั้ง 2 เส้น ขณะที่อุณหภูมิเครื่องยนต์เย็นตัวลง (สังเกตได้ที่เรือนไมล์) สมมุติว่าทั้งสองเส้นร้อนพร้อมกันแสดงว่าเป็นปกติ แต่ถ้าเกิดว่ามีเส้นหนึ่งร้อนและอีกเส้นหนึ่งเย็น แสดงว่าวาล์วน้ำน่าจะไม่ทำงาน ควรติดต่อให้ช่างเข้ามาช่วยดูอีกที
อันนี้สังเกตง่ายนิดเดียวให้ดูน้ำหล่อเย็นในถังพักน้ำ หากพบว่าปริมาณน้ำลดลงบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เติมตลอดเวลา อาจเป็นไปได้ว่าปั๊มน้ำรั่วซึม หรือเสื่อมสภาพก็ต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะน้ำในระบบจะไม่หมุนเวียน ส่งผลให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย แนะนำให้เรานำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสภาพรถและเปลี่ยนใหม่
หลังจากตรวจสอบ แล้วรอให้อุณหภูมิของเครื่องยนต์ลดลง ให้เราค่อยๆเปิดฝาหม้อน้ำออก โดยนำผ้ามารองฝาหม้อขณะเปิด เพราะเครื่องยนต์จะร้อนมากกว่าปกติ อาจทำให้มือเราพองได้ เมื่อเสร็จแล้วก็ตรวจเช็คว่าปริมาณน้ำในหม้อเติมน้ำต่ำว่าขีดกำหนดไหม หากลดลงให้ใช้น้ำยาหล่อเย็นมาเติมทีละนิด ประมาณ 30 - 60 วินาทีต่อครั้ง ถ้าไม่มีน้ำยาหล่อเย็นก็ให้ใช้น้ำสะอาดไปก่อน แต่อย่าเติมพรวดเดียวนะ เพราะน้ำอาจจะเดือด และเกิดการขยายตัว จนทำให้หม้อน้ำแตกได้ ส่วนอีกข้อควรระวังเลยก็คือ ห้ามใช้น้ำที่เย็นจัด หรือน้ำบาดาลเด็ดขาด เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย แล้วอย่าลืมเช็คด้วยนะ ว่ามีน้ำรั่วซึมหรือไม่ก่อนสตาร์ทรถ
ขั้นตอนสุดท้ายให้เราลองสตาร์ทรถยนต์ดูก่อน เพราะต้องการให้น้ำของเครื่องยนต์หมุนเวียน ถ้าสตาร์ทรถไม่เจอความผิดปกติและอุณหภูมิเริ่มคงที่ก็สามารถเดินทางต่อไปได้ แล้วระหว่างทางขับรถก็อย่าลืมหัดสังเกตระดับเข็มความร้อน หรือสัญญาณไฟเตือนกันด้วยนะ หากเครื่องยนต์ร้อนอยู่ รถเกิดสตาร์ทไม่ติด หรือ แอร์รถไม่เย็น Frank แนะนำให้เราโทรหาช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบดีกว่า
ถ้าเราขับรถทางไกลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนสูงได้ง่าย ดังนั้น เราควรศึกษาวิธีรับมือและแก้ปัญหาเครื่องยนต์ร้อนสูงให้ดีซะก่อน หรือสามารถอ่านข้อสอบใบขับขี่ 2563 เพิ่มเติมได้เลย เพราะจะมีความรู้ดีๆ เกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษารถยนต์และการใช้งานที่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้จะช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ แถมไม่ต้องเสียเงินค่าซ่อมราคาแพงด้วย อย่างที่เพนกวิน Frank บอกนั่นแหละ เราจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากมีสิ่งใดผิดปกติ ก็ควรโทรเรียกช่างให้มาช่วยดูแลอีกที และสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เราจะต้องควบคุมสติตัวเองให้ได้อันดับแรกเสมอ