Bolttech Insurance Broker
LinePhone

Insurtech และ Fintech คืออะไร? รู้กันง่ายๆ ใน 5 นาที

อ่านเร็วๆ

  • Insurtech ต่างกับ Fintech ตรงที่ Insurtech คือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในธุรกิจประกัน ส่วน Fintech คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในธุรกิจการเงิน โดยทั้ง 2 อย่างสามารถช่วยทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกที่มากขึ้นและยังเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจให้มากขึ้นไปด้วย ซึ่ง Insurtech ถือเป็นส่วนย่อยที่อยู่ใน Fintech อีกทีหนึ่ง

เรื่องของ Insurtech นั้นหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่? หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Fintech มากกว่าหรือบางคนอาจจะผ่านหูกับคำว่า startup ซะมากกว่า อย่างเพิ่งสับสนไปครับเดี๋ยว Frank จะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายเวอร์มากใน 5 นาทีว่าแต่ละคำนั้นคืออะไรกันแน่ เรียกได้ว่าอ่านจบปุ๊บเป็นผู้รู้กันเลยทีเดียวครับ

Insurtech คืออะไร

understand-the-difference-of-Fintech-and-Insurtech-in-5-min
จากคำถามคลาสสิกที่ว่า Insurtech คืออะไรนั้น เรามาทำความเข้าใจที่มาของคำนี้กันก่อนนะครับ insur มาจากคำว่า Insurance ก็คือการทำประกันหรือหมายความถึงการซื้อ-ขายกรมธรรม์ประกันเพื่อให้เกิดความคุ้มครองตามที่ต้องการ และคำว่า tech ก็ย่อมาจาก Technology ซึ่งก็คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเกิดประโยชน์ให้มากที่สุดให้กับอุตสหกรรมการประกัน เช่น สะดวกมากขึ้น รวดเร็วขึ้น หรือง่ายขึ้นก็ได้เช่นกัน
Insurtech ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Fintech นะฮะ เพราะประกันถือเป็นส่วนหนึ่งของการเงินครับ เราเรียกแบบง่ายๆ ได้ว่า Insurtech อยูใน Fintech ก็ได้ครับ
Frank เป็น Insuretech ที่ต้องการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการทำประกันรถยนต์เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจความหมายของศัพท์ประกันแบบง่ายๆ รวดเร็วมากยิ่งขึ้นในการเช็คเบี้ยประกันไม่ถึง 1 นาที จ่ายเงินเสร็จและส่งกรมธรรม์ออนไลน์ให้คุณที่อีเมลทันที สะดวกมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ
 

Fintech คืออะไร

understand-the-difference-of-Fintech-and-Insurtech-in-5-min.
ถัดมา Fintech ครับ คำนี้น่าจะได้ยินกันมาสักพักแล้ว ถ้าเราดูจากความหมายของคำว่า Fin ย่อมาจาก Finance ซึ่งก็คือการเงินนั่นเอง และ tech ก็มาจากคำว่า techology แบบเดียวกันกับ Insurtech ที่เน้นการเอาเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมการเงินให้ดียิ่งขึ้น สะดวกมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้นและยังมีการรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสมาคมฟินเทคประเทศไทยขึ้นเพื่อทั้งทดสอบและพัฒนา กำหนดทิศทางของแผนพัฒนาในระดับชาติ และสร้างให้เกิดระบบนิเวศของฟินเทคในประเทศขึ้นด้วย
ตัวอย่างของ Fintech ของประเทศไทยนั้นมีค่อนข้างเยอะและน่าสนใจมากด้วยนะครับ แบ่งออกได้หลายด้านครับ เช่น ด้านที่เราใช้บริการบ่อยๆ เวลาซื้อของออนไลน์เพื่อจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต คือ 2C2P ที่เป็น Payment gateway เว็บไซต์เปรียบเทียบบริการด้านการเงินต่างๆ Financial Comparison เช่น Gobear หรือ Refinn ก็จะรวบรวมข้อมูลให้เราเลือกกรองได้ง่ายมากขึ้นตามความต้องการของเรา

ส่วนธนาคารที่เป็นผู้เล่นหลักในตลาดการเงินการลงทุนนั้น ก็มีการปรับตัวเข้าสู่การเป็น Banking Fintech เช่นเดียวกัน เช่น

  • ธนาคารกรุงศรีได้จัดตั้ง Krungsri RISE ที่ตั้งขึ้นเพื่อ Accelarator Program หรือเป็นตัวเร่งให้กับธุรกิจ Startup ที่ผ่านการคัดเลือก
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่จัดตั้ง Digital Ventures ทำ Venture Capital, Accelerator, Digital Products และ Discovery Lab
  • ธนาคารกสิกรไทย กับ KBTG
  • ธนาคารออมสิน และกรุงไทย ที่ร่วมจัดตั้ง Trust Fund เพื่อสนับสนุน SEMs

โลกของเรากำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค Digital Technology ในเร็ววัน ในอนาคตอันใกล้พวกเราก็ต้องเข้าสู่สังคมไร้เงินสดหรือการใช้งาน bitcoin ที่เป็นเเงินสกุลดิจิตอลในระดับโลกเพื่อทั้งความสะดวกในการโอนเงินข้ามประเทศและค่าธรรมเนียมในการโอนเงินที่ถูกกว่าในปัจจุบันมาก หรือการใช้งาน Blogchain ที่เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลโดยไม่ต้องอาศัยคนกลางอีกต่อไป
เราจึงควรรู้จักเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วยนะครับ เพราะทั้งเพื่อการเตรียมพร้อมเมื่อถึงวันที่เราต้องใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้และการประยุกต์ใช้งานให้เหมาะกับธุรกิจของเพื่อนๆ หรือค้นหาไอเดียเพื่อก้าวสู่การเป็น Startup ยิ่งดี เตรียมตัวเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 กันแล้วรึยังครับ?   

Credit: techsauce.co, thaifintech.org

 
 

frank.co.th

เชื่อมต่อ กับพวกเรา

รับข่าวสารล่าสุดและข้อเสนอโดยติดตามเราในช่องโปรดของคุณ
LineFacebook
Bolttech
บริษัท โบลท์เทค อินชัวร์นส์ โบรคเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ใบอนุญาตินายหน้าประกันภัยหมายเลข
00017/2559
หมายเลขจดทะเบียนนิติบุคคล
0105559056161
รับรองความปลอดภัย และ อยู่ภายใต้ความควบคุม ของ
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
Security & Compliances
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
bolttech © 2021 All Rights Reserved.