อ่านเร็วๆ
เมื่อไม่นานมานี้รถของพี่ frank จอดไว้ที่หน้าบ้านตอนเย็นตามปกติเหมือนทุกวัน แต่แล้วในเช้าวันรุ่งขึ้นความไม่ปกติก็ได้เกิดขึ้นเพราะท้ายรถโดนชนอย่างรุนแรง ไฟท้ายแตกยับเยิน กันชนหลังยุบเข้ามาพอสมควรจนฝากระโปรงหลังเปิดอ้าออกมา ใช่แล้วครับพี่ชายของผมกำลังเจอกับเหตุการณ์ “ชนแล้วหนี” ที่เราเห็นเป็นข่าวกันอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
และปัญหาคือรถคันนี้ไม่ได้ทำประกันชั้น 1 ไว้เพราะเป็นรถหลายปีแล้วจึงเลือกทำประกันชั้น 2+ แบบมีค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) แทน งานนี้ frank เลยได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์ให้คำแนะนำพี่ชายเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้ดีที่สุดแล้วก็คิดถึงเพื่อนๆ ครับเลยอยากแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นมาบางทีเราก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
ถ้าในเช้าวันหนึ่งเราเดินออกมาหน้าบ้านแล้วมาเจอรถยนต์สุดรักของเราโดนชนท้ายยับเยิน สิ่งแรกเราควรทำคืออะไรครับ?
ใช่แล้วครับ ถ้าคุณกำลังเจอการชนแล้วหนีเริ่มจากตั้งสติให้มั่นแล้วตรวจดูว่าประกันรถของคุณเป็นชั้นไหน? เพราะถ้าเป็น
อ่านเรื่องความคุ้มครองของประกันรถชั้นต่างๆ อย่างละเอียด
เพราะบริษัทประกันจะสอบถามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อการออกใบเคลมและสำหรับประกันรถชั้น 1 บริษัทประกันจะไปไล่เบี้ย(ค้นหา)รถคันที่ก่อเหตุเอง ส่วนเพื่อนๆ แค่เตรียมใบบันทึกประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เพื่อเป็นเอกสารประการแจ้งเคลมด้วยนะครับ
ถ้าเป็นประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ถ้าโดนชนแล้วหนี คงต้องหาหลักฐานเพื่อระบุรถคันที่ก่อเหตุให้ได้เพื่อการแจ้งเคลม ขอภาพกล้องวงจรปิดจากที่เกิดเหตุหลายๆ มุมหรือถ้าเราติดกล้องรถยนต์แบบจับภาพด้านหลังแบบมีแบตเตอรี่ในตัวไว้ด้วยจะช่วยได้เยอะเลยครับ อ่านเทคนิคการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์เพิ่มได้นะครับ แต่ถ้าเราไม่มีหลักฐานคงต้องหาทางรวบรวมมากที่สุดเท่าที่ทำได้นะครับ
เพราะบริษัทประกันต้องการหลักฐานที่ระบุว่าเกิดเหตุการณ์ที่ชนแล้วหนีบริเวณไหนและเป็นข้อมูลที่เป็นจริง เราจึงต้องแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ และถ้าเราทราบทะเบียนของรถคันที่ก่อเหตุก็คงต้องถูกเชิญสอบปากคำเพิ่มครั้งหรือ 2 คร้งด้วยนะครับ สำหรับเจ้าหน้าที่ประกันเรานัดไปเจอที่สถานีตำรวจเพื่อการออกใบเคลมที่นั่นได้เลย
ส่วนเรื่องของพี่ชาย frank ด้วยความที่เป็นประกันรถชั้น 2+ จึงต้องทางหลักฐานของคู่กรณีมาให้ได้เพื่อการแจ้งเคลมและโชคดีที่เราติดกล้องวงจรปิดไว้ที่หน้าบ้าน เลยรู้ว่าเป็นรถแท็กซี่ที่ขับมาก่อเหตุแล้วขับหนีไปตอนกลางดึก จึงโทรแจ้งประกันและไปแจ้งความที่สถานีตำรวจกันตามระเบียบจนได้ใบเคลมมาเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นคงต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกด้วยตัวเองแน่ๆ
ความไม่ประมาทช่วยให้เรารับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เสมอนะครับ
“ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หลบหนี้ไป หรือไม่แสดงตัว ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่เกิดเหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำ ความผิดและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถคันที่ผู้ขับขี่หลบหนี้ หรือไม่แสดงตนว่าเป็นผู้ขับขี่จนกว่าคดีถึงที่สุดหรือได้ตัวผู้ขับขี่ ถ้าเจ้าของ หรือผู้ครอบครองไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในหกเดือนนับแต่ วันเกิดเหตุ ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือเกี่ยวกับการกระทำความผิดและให้ตกเป็นของรัฐ”
"ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"