อ่านเร็วๆ
ก่อนอื่นเลย Frank ขอแสดงความเสียใจกับผู้ประสบเหตุและได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมทุกๆ คนนะครับ ถ้าต้องการคำปรึกษาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับประกันรถยนต์ สามารถติดต่อ Frank.co.th ได้ที่เบอร์ 02-106-5800 นะครับ
ตอนน้ำท่วมสูงในปี 2554 Frank จำได้ว่าหนักมากสำหรับชาวกรุง ทั้งขับรถหนีน้ำก่อนน้ำจะมา ทั้งกังวลเรื่องบ้าน แถมพอท่วม ก็ท่วมขังนานกว่า 3 เดือน กว่าจะขับรถเข้าไปได้ Frank เข้าใจความรู้สึกของผู้ประสบเหตุเป็นอย่างดีเลยครับ
ยิ่งหลังน้ำลด แล้วปัญหาไม่จบตาม เราต้องมารับมือกับความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะความเสียหายที่เกิดกับรถซึ่งมูลค่าไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้นสำหรับหน้าฝนปีนี้ สิ่งที่ Frank คิดว่าพอจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ได้บ้าง คงไม่พ้นการแชร์เรื่องการจัดการกับปัญหาเรื่องรถหลังน้ำลดด้วยความรู้เรื่องประกันมาฝากครับ
หลักๆ แล้วประกันชั้น 1 และ 2+ ครอบคลุมภัยธรรมชาติและน้ำท่วมครับ ส่วนประกันชั้น 3+ บางบริษัทฯเพิ่มความคุ้มครองน้ำท่วมไว้ด้วยเช่นกัน หากไม่มีก็สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้ด้วยครับ เรียกว่า Add-on หรือความคุ้มครองเพิ่มเติม (โทรสอบถามบริษัทประกันที่เพื่อนๆ ใช้บริการอยู่ได้นะครับแต่ว่าต้องเป็นก่อนน้ำท่วมนะ) ส่วนศัพท์ประกันที่เราเรียกกันจะเรียกว่า "ความคุ้มครองตัวรถที่เอาประกันภัย" ครับ
ความคุ้มครองที่ว่านี้ยังมีในส่วนของคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ไฟไหม้ พายุ ลูกเห็บ และน้ำท่วม หรือบางแพคเกจก็ครอบคลุมภัยก่อการร้ายด้วยครับ แต่มีเงื่อนไขว่าจะได้รับความคุ้มครองเฉพาะในพื้นที่ ที่มีการประกาศว่าเป็นเสียงภัยก่อการร้ายครับ
ความคุ้มครองที่ว่านี้ยังมีในส่วนของคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ไฟไหม้ พายุ ลูกเห็บ และน้ำท่วม หรือในบางที่ก็ครอบคลุมภัยก่อการร้ายด้วยนะครับ
ถ้าในกรมธรรม์ที่เราทำระบุไว้ว่าครอบคลุม ก็สามารถแจ้งได้ครับ โดยแจ้งตามเหตุที่เราเจอได้เลย เช่น บ้านเราอยู่ในบริเวณที่ประสบเหตุน้ำท่วมและเราต้องใช้รถเดินทาง ขณะที่ขับไป ก็เจอน้ำทะลักเข้ามาในรถจนเครื่องดับ หรือจอดรถไว้ในบ้านแล้วน้ำป่ามาเร็วมากจนเราไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถหนีได้ทัน หรือกรณีของน้ำทะลักเข้าเครื่อง หรือรอระบายนานไปหน่อย (ลุงตู่ให้เรียกแบบนี้นะครับ) ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพช่วงที่ผ่านมา เป็นกรณีที่รถติดเพราะฝนตกหนักแต่น้ำค่อยๆ ท่วมขังสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทะลักเข้าท่วมเครื่องยนต์ แบบนี้ก็แจ้งได้เลยครับ
ข้อสังเกตที่ Frank อยากให้จำกันก็คือ ประกันจะจ่ายเฉพาะกรณีที่รถเสียหายเนื่องจากขับไปแล้วเจอน้ำท่วมหรือจอดทิ้งไว้แล้วน้ำท่วมเข้ามา แต่ไม่จ่ายในกรณีที่ขับรถไปลุยน้ำท่วมทั้งที่หลีกเลี่ยงได้นะครับ
เป็นเหตุการณ์ที่ Frank ไม่อยากเจอ และคิดว่าคงไม่มีใครอยากเจอครับ แต่ถ้าต้องเจอเราจะทำยังไง รวมทั้งขับรถไปเจอน้ำท่วมเข้าให้เคลมประกันได้ไหม? และควรดูแลรถอย่างไรหลังจากลุยน้ำมา Frank ก็มีวิธีแก้ปัญหาดี ๆ มาแนะนำครับ
เริ่มที่วิธีขับก่อนเลยครับ ขับเบา ๆ ช้า ๆ กันเครื่องดับก่อนครับ ระหว่างขับต้องดูระดับน้ำให้แน่ใจว่ารอด ถ้าระดับน้ำสูงเกินท่อไอเสียงานนี้…. ยากครับที่จะรอด แต่ถ้าอยู่ในระดับที่จะลุยต่อได้ สิ่งที่เราควรทำคือ
Frank แนะนำว่าโทรแจ้งประกันก่อนเลยครับ เพื่อให้ฝ่ายเคลมมาตรวจสอบสภาพความเสียหายของรถก่อน เจ้าหน้าที่ประกันจะบอกได้ว่ารถเราเสียหายบางส่วน หรือเสียหายทั้งหมด ซึ่งจะต่างกันตรงที่ หากเสียหายบางส่วนประกันจะซ่อมให้ตามกรมธรรม์ครับ แต่ถ้าเสียหายทั้งหมด ซ่อมไปก็ไม่คุ้ม ประกันจะรับซื้อเป็นซากรถ แล้วเพื่อนๆ ก็โบกมือลาลูกรักได้เลย
ส่วนใครที่ประกันไม่ครอบคลุม สิ่งที่ทำได้คือให้อู่ที่เราไว้ใจประเมินราคาซ่อมให้ครับ แล้วตัดสินใจดูว่าสู้ราคาไหวมั้ย และความเสียหายเท่านี้ ถ้าซ่อมไปเสร็จแล้วจะสะดวกใจใช้รถคันนี้ต่อหรือไม่ ราคาซ่อมบอกยากจริงๆ ครับขึ้นอยู่กับความเสียหายจริงๆ
เมื่อน้ำลดแล้ว ให้ทำขั้นตอนต่อไปนี้
หลังน้ำลดมักมีคราบดิน โคลน น้ำ และขยะค้างอยู่ในเครื่องเราต้องเอามันออกจากเครื่องยนต์ เปลี่ยนของเหลวในรถยนต์ทั้งคันเพื่อป้องกันเครื่องพัง ซึ่งขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน เหมาะกับมืออาชีพเท่านั้นครับ
ใครมีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับน้ำท่วมและประกันรถ สอบถามมาใน comment ด้านล่างได้เลยนะครับ