น้ำมันเครื่อง เป็นหัวใจสำคัญในการดูแลรักษารถยนต์ โดยปกติแล้วผู้ใช้รถจะต้องถ่ายน้ำมันเครื่องตามที่กำหนด เพื่อให้ได้น้ำมันเครื่องใหม่ที่มีประสิทธิภาพ หรือ ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ แต่การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนั้นต้องเลือกให้ถูกประเภทของรถ หากซื้อน้ำมันเครื่องยนต์ผิดประเภทแล้วนำไปเปลี่ยนถ่าย อาจทำให้รถยนต์ของคุณใช้งานไม่มีประสิทธิภาพได้
น้ำมันเครื่องรถยนต์ ที่จำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาดหรือศูนย์ให้บริการรถยนต์ โดยหลักๆ แบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
น้ำมันเครื่องธรรมดา เป็นน้ำมันเครื่องที่มีอายุการใช้งานน้อยที่สุด ผลิตมาจากน้ำมันปิโตรเลียมที่มาจากการกลั่น โดยระยะเปลี่ยนถ่ายจะอยู่ที่ 3,000 กิโลเมตร หรือสูงสุดไม่เกิน 5,000 กิโลเมตร แต่ข้อดีของน้ำมันเครื่องธรรมดาคือ ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำมันประเภทอื่น
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นธรรมดากับชนิดสังเคราะห์ มีอายุการใช้งานที่มากกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา โดยระยะถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่ที่ 5,000 – 7,000 กิโลเมตร ราคาอยู่ในระดับปานกลาง ไม่แพงมากจนเกินไป เป็นอีกหนึ่งประเภทน้ำมันเครื่องที่นิยมใช้ในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ เป็นน้ำมันเครื่องที่มีอายุการใช้งานนานที่สุด ใช้น้ำมันเครื่องที่ผลิตจาดน้ำมันเกรดสูง ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการกลั่น ทำให้ยืดอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องนานขึ้น โดยมีระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันจะอยู่ที่ 10,000-12,000 กิโลเมตร แต่ข้อเสียก็คือ ราคาแพงสุด
หากผู้ใช้รถยนต์ต้องการเปรียบเทียบว่า น้ำมันเครื่องชนิดไหนดีกว่า ลองใช้เหตุผลในเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งานกันรถของคุณ และราคาที่คุ้มค่า มาเริ่มจากหัวข้อแรกกันดีกว่า
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ มีสมรรถนะหล่อลื่นที่เหนือกว่าทั้งในอุณหภูมิต่ำและอุณหภูมิสูง แต่สำหรับน้ำมันเครื่องแบบธรรมดาที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ มีสมรรถนะการหล่อลื่นที่น้อยกว่า
ต่อด้วยคุณสมบัติความหนืด น้ำมันเครื่องยนต์ที่ดีควรมีความหนืดที่เหมาะสม ซึ่งน้ำมันเครื่องแต่ละชนิดและยี่ห้อมีความหนืดต่างกัน แนะนำให้ผู้ใช้รถอ่านค่าความหนืดหรือตัวเลขข้างกระป๋องน้ำมัน เพื่อที่จะเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับรถยนต์
ค่าความหนืดน้ำมันเครื่อง หรือ Society of Automotive Engineers (SAE) จะเป็นตัวเลข 2 ชุด ซ้ายขวา มีขีดกั้นกลาง รูปแบบ SAE XW-XX
ค่าความหนืด ยิ่งเลขมาก ยิ่งหนืดมาก!! โดยมีค่าความหนืดตั้งแต่ 60, 50, 40, 30, 20, 10 และ 5 ทั้งนี้ค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องไม่ได้ชี้วัดคุณภาพของน้ำมันเครื่อง เพียงแค่เป็นตัวเลขที่บอกถึงความเหมาะสมกับการใช้งานของรถ หากเป็นรถใหม่สามารถใช้ความหนืดน้อยๆ เช่น SAE 5W-30 แต่ถ้าเป็นรถรุ่นเก่าหรือรถที่ใช้งานมานาน ต้องการความหนืดเพิ่มขึ้น อาจมีตัวเลขสูงถึง 40, 50
ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ที่ใช้เทคโนโลยีผลิกขั้นสูงออกแบบเพื่อใช้งานในอุณหภูมิที่สูงจัด จนถึงอุณหภูมิต่ำจัด ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเครื่องยนต์ร้อนสูง แต่สำหรับน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และน้ำมันเครื่องธรรมดา เวลาที่เครื่องยนต์ร้อนสูงเกินไป อาจทำให้โมเลกุลของน้ำมันครื่องแตกตัว สามารถป้องกันเครื่องยนต์ได้กว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ จึงเห็นได้ว่า รถแข่งสมรรถนะสูง ต้องใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงตลอดเวลา มักนิยมเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้
อีกทั้งยังมีน้ำมันเครื่องสูตรพิเศษ ที่ให้เลือกตามประเภทการใช้งานของรถ เช่น For NGV, LPG & Gasoline สามารถใช้ได้ดีกว่าสำหรับรถที่ติดแก๊ส NGV และ LPGHeavy Duty ใช้ได้ดีสำหรับรถที่บรรทุกของหนัก
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือ ราคาน้ำมันเครื่อง แน่นอนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เเท้ที่ใช้เทคโนโลยีผลิตสูงกว่า ผ่านขั้นตอนในการกลั่นพิถีพิถัน ทำให้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ราคาแพงที่สุด รองลงมาจะเป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ และน้ำมันเครื่องแบบธรรมดาจะมีราคาถูกที่สุด
การเปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ สามารถช่วยป้องกันชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์เมื่อเกิดอุณหภูมิสูง ยืดอายุการใช้งานได้นานกว่า ข้อเสียคือราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าใครที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายมาหน่อย เลือกใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ได้ เป็นอีกหนึ่งประเภทที่นิยมใช้กัน
สุดท้ายนี้อย่าลืมศึกษา คู่มือใช้งานรถยนต์ของคุณ สามารถเลือกใช้น้ำมันประเภทไหนได้บ้าง ค่าความหนืดเท่าไหร่ พฤติกรรมการใช้รถมากน้อยแค่ไหน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้คุณเลือกซื้อน้ำมันเครื่องได้เหมาะสม