หลายคนที่กำลังจะซื้อประกันรถยนต์ อาจสงสัยว่า ประกันรถยนต์ระบุผู้ขับขี่กับไม่ระบุผู้ขับขี่ ต่างกันอย่างไร?? เราควรเลือกแบบไหนดี ซึ่งจริงๆ แล้วผู้เอาประกันจะเลือกแบบไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน แล้วทั้ง 2 ประเภทนี้มีข้อดีและข้อเสียต่างกันอย่างไร วันนี้เพนกวิน bolttech.co.th กูรูประกันภัยออนไลน์ มีคำตอบมาเฉลย
คือ การระบุชื่อบุคคลที่ใช้รถลงในกรมธรรม์ สามารถระบุได้สูงสุด 2 คนเท่านั้น โดยกรมธรรม์แบบนี้ผู้เอาประกันภัยต้องเป็นบุคคลธรรมดา (ไม่ใช่นิติบุคคล) ที่ใช้รถส่วนบุคคล ซึ่งการระบุผู้ขับขี่ที่แน่นอนและชัดเจน ทำให้มีความเสี่ยงภัยน้อยลง ลดเบี้ยประกันได้ถึง 5-20%
ประกันรถยนต์ แบบระบุผู้ขับขี่ สามารถลดค่าเบี้ยประกันได้ถึง 5-20% ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ขับขี่ โดยมีการแบ่งกลุ่มอายุออกเป็น 4 ช่วงคือ
ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ใช่ชื่อที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ของประกันภัยรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นและเป็นฝ่ายผิดจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเองตามที่กำหนด ส่วนในกรณีที่เป็นฝ่ายถูก ไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก
คือ ประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์จากอุบัติเหตุทั้งหมด โดยไม่สนใจว่าผู้ขับขี่เป็นใคร ชื่ออะไร ประกันภัยก็จะให้ความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ใช่ชื่อที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ของประกันภัยรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นและเป็นฝ่ายผิด ก็สามารถเคลมได้และได้รับความคุ้มครองค่าเสียหายตามที่กำหนด แต่เจ้าของรถต้องยินยอมให้ใช้งานรถยนต์ก่อน
ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์ในราคาปกติ ไม่สามารถลดค่าเบี้ยประกันได้เหมือนกับประกันรถยนต์ระบุคนขับ เบี้ยประกันแพงกว่า
เห็นได้ว่า ประกันรถยนต์ แบบระบุผู้ขับขี่และไม่ระบุผู้ขับขี่ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและความต้องการของแต่ละคน แต่ถ้ามั่นใจว่าคุณเป็นผู้ขับขี่ที่แน่นอนอยู่แล้ว สามารถเลือกประกันภัยแบบระบุผู้ขับขี่ได้ เพราะจะได้รับส่วนลด 5-20% ทำให้จ่ายค่าเบี้ยประกันถูกกว่า ทั้งนี้ส่วนลดระบุผู้ขับขี่เฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 บางแพ็กเกจเท่านั้น แนะนำให้สอบถามกับทางบริษัทประกันภัยนั้นๆ ก่อน
ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครอง ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งอุบัติเหตุมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี รถสูญหาย รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม หลากหลายความคุ้มครองในจบเดียว พร้อมรับโปรพิเศษ! ผ่อน 0% นานสุด 10 เดือน เปรียบเทียบบริษัทประกันเองได้