ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่สักคัน นอกจากพิจารณาถึงงบประมาณและการใช้งานรถ แถมมีเรื่องประกันภัยรถยนต์ที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่รถยนต์ไฟฟ้า และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น หลายคนจึงสงสัยว่าประกันรถไฟฟ้ากับประกันรถใช้น้ำมันนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร? bolttech จะมาเปรียบเทียบให้อ่านกันง่าย ๆ โดยประกันรถไฟฟ้าและประกันรถใช้น้ำมัน มีความแตกต่างกันอยู่ 4 ประการ ดังนี้
โดยทั่วไปแล้ว เบี้ยประกันรถไฟฟ้า จะมีราคาสูงกว่า เบี้ยประกันรถใช้น้ำมัน ประมาณ 10-20% สาเหตุหลัก ๆ
รถไฟฟ้า มีราคารถที่สูงกว่ารถใช้น้ำมัน ส่งผลให้ทุนประกันสูงตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น รถ Tesla Model 3 ราคาเริ่มต้นประมาณ 3 ล้านบาท เทียบกับรถ Toyota Corolla Altis ราคาเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท หมายความว่า ทุนประกันของรถ Tesla Model 3 จะสูงกว่า Toyota Corolla Altis ถึง 2 เท่า
อะไหล่ และ ชิ้นส่วนของรถไฟฟ้ามีราคาแพงกว่า เนื่องจากอะไหล่ หรือชิ้นส่วนรถไฟฟ้าต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ค่าอะไหล่ และค่าซ่อมบำรุงจึงมีต้นทุนสูงตามไปด้วย และมีศูนย์บริการที่รองรับการซ่อมแซมน้อยกว่ารถใช้น้ำมัน
เทคโนโลยีรถไฟฟ้า ถือว่าใหม่ และมีข้อมูลไม่มากพอเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือการสูญเสีย หรือเรียกง่ายๆ ว่ามีผู้ขับขี่รถไฟฟ้ายังมีสัดส่วนไม่มากพอ ให้นำมาเก็บข้อมูล เพราะเหตุผลนี้ทำให้บริษัทฯประกันภัยรถยนต์ทำการประเมินความเสี่ยงได้ค่อนข้างยาก ส่งผลต่อเบี้ยประกันภัยที่สูงตามกัน ดังข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้น
ประกันรถไฟฟ้า มีประเภทให้เลือกน้อยกว่า ประกันรถใช้น้ำมัน ตัวอย่างเช่น ประกันชั้น 1 สำหรับรถไฟฟ้า อาจจะไม่มีแบบซ่อมห้าง หรือแบบมีรถสำรองให้ใช้ระหว่างซ่อม ทั้งนี้ ยังรวมถึงการจัด Promotion ด้วยเช่นกัน บริษัทประกันภัยหลายแห่งพยายามที่จะพัฒนาประกันภัยรถยนต์ เพื่อที่จะตอบโจทย์ผู้ขับขี่สูงสุด เช่น ประกันรถยนต์เพื่อรถกระบะ เป็นต้น แต่สำหรับประกันรถไฟฟ้าอาจยังมีไม่มากนัก หรือแทบไม่มีเลย ส่งผลให้ผู้ขับขี่รถไฟฟ้ามีตัวเลือกน้อยกว่าผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วไป
ประกันรถไฟฟ้า บางบริษัทอาจมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างจากประกันรถใช้น้ำมัน ตัวอย่างเช่น อาจจะไม่คุ้มครองกรณีไฟไหม้จากแบตเตอรี่ หรือคุ้มครองค่าสูญเสียจากการชาร์จไฟที่ผิดพลาด
ยกตัวอย่าง บริษัท A เสนอประกันชั้น 1 สำหรับรถ Toyota Corolla Altis ราคา 10,000 บาทต่อปี แต่สำหรับรถ Tesla Model 3 บริษัท A เสนอประกันชั้น 1 ราคา 13,000 บาทต่อปี และไม่คุ้มครองกรณีไฟไหม้จากแบตเตอรี่ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ายังมีข้อจำกัดด้านความคุ้มครองที่ต่างจากประกันภัยรถยนต์ทั่วไปอยู่
บริการเสริม มักขึ้นอยู่กับบริษัทฯ ประกันภัยรถยนต์ทั่วไป โดยส่วนมากจะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินให้หากรถเกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสียข้างทาง แต่สำหรับประกันรถไฟฟ้า บางบริษัทอาจมีบริการเสริมเพิ่มเติมมาให้ด้วยเช่นกัน เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีแบตเตอรี่หมด บริการหาสถานีชาร์จไฟ หรือบริการรับประกันแบตเตอรี่ แนะนำว่าให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจะได้คำตอบที่ถูกต้อง และครบถ้วนที่สุด ซึ่ง bolttech เป็นโบรกเกอร์ประกันภัยที่พร้อมให้คำปรึกษาลูกค้าทุกท่าน สามารถเข้ามาสอบถามประกันรถยนต์ได้ที่ bolttech.co.th
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า และ ประกันรถยนต์ใช้น้ำมัน มีความแตกต่างกันอยู่หลายประการ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ แล้วที่สำคัญควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์ เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นประโยชน์ที่สุด
สุดท้ายนี้ให้ bolttech.co.th ดูแลเรื่อง ประกันภัยรถยนต์ และมอบสิทธิพิเศษให้คุณโดยเฉพาะ ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1/2+/3+ เข้ามาเช็กเบี้ยประกัน พร้อมรู้ราคาได้ทันที มีส่วนลดพิเศษอีกด้วย!