เป็นกันบ่อยใช่ไหมล่ะ เวลารถยนต์เกิดอุบัติเหตุ รถสตาร์ทไม่ติด หรือรถเสียกลางทาง จะไปต่อก็ไม่ได้ ซ่อมเองก็ไม่เป็น อู่ซ่อมรถก็ไม่มี ต้องแก้ปัญหายังไงดี?! อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเคลื่อนย้ายรถของคุณได้นั่นคือ การใช้บริการรถยกหรือรถลาก แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า รถยกกับรถลากแท้ที่จริงแล้วมีความต่างกันนะ เพราะทั้งสองแบบล้วนมีข้อดีและข้อเสีย เราจะต้องเลือกใช้งานที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้ทุกคนเข้าใจกันง่ายขึ้น มาดูคำตอบกันเลย
ในปัจจุบันนี้มีบริการรถลากอยู่สองแบบ ได้แก่ รถยก กับ รถลาก เป็นวิธีที่นิยมมากสุดใช้สำหรับเคลื่อนย้ายรถไปยังอู่ซ่อมหรือศูนย์ซ่อมรถที่เหมาะสม เมื่อรถเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างเช่น รถเสีย รถสตาร์ทไม่ติด รถเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น ทั้งนี้รถยกหรือรถลากยังช่วยอำนวยความสะดวก ความรวดเร็วให้แก่ผู้ใช้บริการที่ต้องการเคลื่อนย้ายรถไปยังศูนย์ซ่อมรถ หรืออู่ซ่อมรถบริเวณใกล้เคียงด้วย
เหมาะสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ เน้นบริการรถที่เสียหายหนัก จนไม่สามารถใช้รถลากได้ ส่วนวิธีการย้ายจะเป็นการนำรถที่เสียหายนั้นลากขึ้นไปบนรถกระบะหรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพียงแค่บรรทุกไปโดยไม่ต้องลากตลอดทาง จะลากเฉพาะตอนขึ้นกับลงเท่านั้น เป็นวิธีที่ปลอดภัยกับช่วงล่างของรถยนต์มากที่สุด
สำหรับรถลากจะเป็นบริการ เคลื่อนย้ายรถยนต์แบบลากจูง เหมาะสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อ ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง โดยอาศัยอุปกรณ์เช่น เชือก สลิง และแป๊ปลาก ส่วนใหญ่มืออาชีพนิยมใช้สลิงมากที่สุด เพราะมีความยืดหยุ่น ทนทานต่อการใช้งาน ซึ่งรถที่ใช้ลากจูงนั้นก็จะเป็นรถกระบะ หรือรถที่มีกำลังมากพอในการลากจูง ข้อดีก็คือรถลากจะมีราคาถูกกว่ารถยก แต่ถ้าจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายวิธีนี้ก็ควรใช้ความระมัดระวังอย่างสูง
ตามที่อธิบายข้างต้นว่า รถยกกับรถลากจะใช้สำหรับเคลื่อนย้ายรถเมื่อประสบอุบัติเหตุ รถสตาร์ทไม่ติด รถเสีย หรือรถน้ำมันหมดระหว่างทาง ซึ่งลักษณะการใช้งานอาจจะดูเหมือนใกล้เคียงกัน คิดว่าแบบไหนก็ใช้ได้แหละ แต่ความจริงแล้วมีความต่างกันอยู่เยอะ หากลองอ่านบทความนี้จะได้ตัดสินใจว่า เราควรเลือกใช้บริการแบบไหน มาดูเลย !!
แน่นอนว่า การใช้บริการรถยกจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารถลากอยู่แล้ว เพราะรถยกจะเน้นบริการกรณีที่อู่ซ่อมอยู่ไกล ส่วนมากระยะทางเกินกว่า 20 กิโลเมตร อีกทั้งยังดูแลความปลอดภัยของตัวรถยนต์ได้ดี จึงทำให้มีค่าบริการแพงกว่า หากไม่อยากโดนเรียกค่าบริการแพง แนะนำอย่าปล่อยให้ใครเคลื่อนย้ายรถของคุณไป โดยไม่มีการตกลงค่าใช้จ่ายล่วงหน้าก่อน เพราะอาจจะโดนเรียกเก็บค่าต่างๆโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ลองติดต่อกับบริษัทที่น่าเชื่อถือ หรือบริษัทประกันรถยนต์ของคุณได้
หากลองเปรียบเทียบความต่างจะเห็นได้ว่า รถยกจะช่วยป้องกันเครื่องยนต์ได้ดีกว่า เพราะจะเคลื่อนย้ายเป็นการบรรทุกรถทั้งคัน ลักษณะเหมือนจอดรถทิ้งไว้บนถาดสไลด์ และมีระบบล็อคติดอย่างแน่นหนา ขณะที่ขับระหว่างทาง รถยนต์ของคุณก็จะไม่กระแทก ถึงแม้รถจะโหลดต่ำก็ไม่ต้องกังวล เขาจะมีถาดเคลื่อนมารองรับช่วงล่าง พร้อมถาดระนาบกับพื้น ทำให้สบายใจได้เลยว่าเครื่องยนต์จะไม่เสียหาย หรือรถตกจากสไลด์ ยิ่งถ้าคุณเพิ่งถอยรถคันใหม่ ราคาแพง ก็คงไม่อยากให้เครื่องยนต์เสียสภาพ การเลือกใช้บริการรถยกจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
สรุปแบบง่ายๆ ให้ลองคิดภาพก่อนว่า รถลากจะเป็นการเคลื่อนย้ายเเบบถูกลาก มีล้อหน้าหรือล้อหลังฝั่งหนึ่งสัมผัสพื้นถนนอยู่ ส่วนรถยกจะมีถาดสไสลด์รองรับน้ำหนักรถยนต์ เพื่อป้องกันความเสียหาย ไม่ได้ลาก และไม่ต้องสัมผัสบนพื้นถนน ถึงแม้ราคาเรียกใช้บริการรถยกจะแพงกว่า เพื่อความปลอดภัยของรถยนต์ให้คงสภาพเดิมถือว่าดีกว่าแน่นอน
การเลือกใช้บริการระหว่างรถยกกับรถลาก ล้วนขึ้นอยู่ตามสถานการณ์ต่างๆ หากใครที่ยังลังเลว่าจะเลือกใช้บริการแบบไหนดี น้องกวิ้นขออธิบายเพิ่มเติมเจาะลึก เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น
ก่อนอื่นเราจะต้องเช็คว่า ตัวรถเสียหายหนักแค่ไหน สามารถเคลื่อนย้ายได้ไหม สมมติว่ารถยนต์ของคุณเสียหายหนักมาก แนะนำให้ใช้บริการเป็นรถยกดีกว่า เพราะเขาจะยกรถของคุณไปทั้งคัน แต่ถ้าโชคดีรถเกิดเสียหายไม่มากนัก อาจจะเลือกใช้บริการรถลากแทนได้
หากระยะทางที่ต้องเดินทางไปอู่ซ่อมรถไกลมาก เกินกว่า 20 กิโลเมตร เราควรเลือกใช้บริการเป็นรถยกดีกว่า เพราะช่วยรักษาช่วงล่างของรถยนต์ไม่ให้เสื่อมสภาพ แต่ถ้าอู่ซ่อมรถอยู่ห่างไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก สามารถใช้เป็นรถลากจูงได้ แต่แนะนำให้ใช้ความเร็วจำกัด เพื่อป้องกันเกียร์พัง หรือกลัวว่ารถยนต์จะเสียหายก็เลือกใช้รถยกหรือรถสไลด์ไปเลย อุ่นใจกว่าเยอะ
ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก ย่อมเกิดความเสียหายอยู่แล้ว และต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา สำหรับกรณีที่รถยนต์เกิดเสียหายหนักไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้แน่นอนจะต้องใช้รถยกเพื่อนำไปที่อู่ซ่อม และการคิดค่าบริการจะต่างกัน เนื่องจากรถยกจะดูแลความปลอดภัยตัวรถได้ดีกว่าจึงมีค่าใช้จ่ายสูง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราว่าจะเลือกจ่ายแบบไหน ให้ลองพิจารณาตามงบประมาณและความเหมาะสม
เข้าใจมากขึ้นแล้วใช่ไหม ระหว่างรถยกและรถลากต่างกันอย่างไร? ถึงแม้ว่าเราจะซื้อประกันรถยนต์ที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องคำนึงถึงบริการเสริมเช่นกัน เพราะมันเป็นสิทธิพิเศษที่บางบริษัทประกันรถยนต์จะมอบให้ เช่น หากเกิดอุบัติเหตุรถชนกันจะมีบริการรถยกหรือรถลากไปยังอู่ซ่อม ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับบริการเสริมนี้
ถ้าคุณต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ กลัวว่าจะเกิดรถเสียกลางทาง แนะนำให้ซื้อประกันรถยนต์ที่มีบริการเสริมรถยกรถลาก จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากขึ้น แต่ถ้าลูกค้าท่านใดสนใจจะต้องเช็ครายละเอียดหรือสอบถามกับทางบริษัทประกันนั้นๆ ให้ดีก่อน เพื่อให้ได้ประกันรถยนต์และบริการเสริมที่ตรงใจคุณมากที่สุด