รถหายเป็นเรื่องที่เราไม่อยากจะให้เกิด ไม่คาดคิด แต่หลายครั้งเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มักเกิดข้ึ้นกับเราเสมอ พอดีว่า frank ไปอ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องของพี่คนหนึ่งที่รถกระบะของพี่เค้าได้ถูกขโมยไปจากหน้าบ้านเมื่อตอนกลางดึกแต่โชคยังดีที่พี่เค้าได้ติดอุปกรณ์บอกตำแหน่งหรือ GPS (Global Positioning System) ไว้ที่ตัวรถ ทำให้สามารถตามรอยมาถึงอู่แห่งหนึ่งได้ทันในตอนเช้ามืดก่อนสัญญาณจะหายไป จึงได้แจ้งตำรวจเพื่อเข้าตรวจค้นและได้เห็นว่ารถของพี่เค้ากำลังจะถูกแยกส่วนอยู่ แถมยังเจอป้ายทะเบียนที่ถูกถอดออกไว้อีกหลายอัน frank เลยคิดว่าถ้าเป็นเราล่ะ จะรับมือกับเรื่องรถหายนี้ได้ดีเท่าพี่เค้ารึเปล่า? หรือเราควรจะทำอย่างไร? เพื่อให้การติดตามรถที่หายไปของเราทำได้อย่างเร็วที่สุดได้
รถหายต้องทำอย่างไรบ้าง
1.ตั้งสติก่อนแล้วรีบไปสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำไว้ก่อน
ถ้าเราโดนเข้าให้แล้วก็อย่ามัวรอช้าครับ ไปแจ้งความที่สถาณีตำรวจที่ใกล้ที่สุดก่อนเลย ถ้าไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนให้โทรถาม 191 แล้วรีบแจ้งเรื่องรถหายว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ รายละเอียดของรถยนต์มีอะไรบ้าง โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้รถของเราต่างจากชาวบ้านนี่ยิ่งดีครับบอกให้ได้ละเอียดที่สุดเท่าที่จำได้ ระหว่างทางรีบโทรแจ้งสายด่วน รถหาย 1192, 1559, 1644 สวพ.91, 1677 หรือ 1678 ร่วมด้วช่วยกันและ จส. 100 เพื่อให้ช่วยตามหารถให้เร็วที่สุด
2.โทรแจ้งบริษัทประกันรถยนต์
ให้เราโทรแจ้งบริษัทประกันรถแล้วเล่ารายละเอียดให้ฟังพร้อมแจ้งรายละเอียดที่เราได้ไปแจ้งความเอาไว้ด้วยเพื่อเป็นหลักฐานในการแสดงความบริสุทธิ์ใจเรื่องของรถหายครับ และบริษัทประกันนี่ล่ะครับจะมีเจ้าหน้าที่เซอเวเยอร์หลายท่านที่จะช่วยเราตามหารถได้อีกทางหนึ่งด้วย
3.ติดตามเรื่องเป็นระยะๆ
หลังจากที่เราโทรแจ้งทุกอย่างไปเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เราติดตามผลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะหรือตรวจสอบที่ www.lostcar.go.th ก็ได้เช่นกันอาจจะสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่ถ้าไม่มีความคืบหน้าก็ติดต่อแจ้งเคลมค่าสินไหมทดแทนรถหายกับบริษัทประกันที่เราทำไว้ครับเจ้าหน้าที่จะทำเรื่องให้เราไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ โดยที่ระหว่างที่รถหายไปนี้ให้เราหยุดผ่อนก่อนนะครับ
หากมียอดหนี้เหลืออยู่
ก็ให้เราติดต่อขอเจรจากับบริษัทลีสซิ่งดูว่า เราจะขอชำระมูลค่าต่ำสุดได้เท่าไหร่ อาจได้ลดถึงครึ่งหนึ่งถ้าเรามีประวัติดี แบ่งการจ่ายได้หรือไม่ ซึ่งหนี้ส่วนนี้ให้ถือซะว่าเป็นการซื้อประวัติที่ดีของเราเอาไว้ครับ
ประกันรถยนต์คุ้มครองอย่างไร
ชั้น 1
ชั้น 2+
ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม frank ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจถึงประโยชน์ในการทำประกันรถไว้นะครับ มันคือการซื้อเพื่อแบ่งเบาความเสี่ยงหรือเป็นการเฉลี่ยความเสี่ยงที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเราคงไม่อยากให้เกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ