อ่านเร็ว ๆ
ปีนี้เป็นปีสุดฮ๊อดของทุเรียนจริง ๆ นะครับตั้งแต่ ราคาของทุเรียนที่แตะหลักร้อยบาทต่อกิโลกรัมกันตั้งแต่เริ่มเข้าหน้าทุเรียน หรือข่าวการโปรโมทเทศการบุฟเฟต์ผลไม้ที่ห้างดังโดยเฉพาะพ่อค้ากล้ามล่ำๆ แน่นๆ ที่มาเปิดสวนขายทุเรียนกันยกเข่ง แหม...ก็ดูแน่น...น่ากินซะขนาดนั้นอ่ะนะครับ หรือแม้กระทั่งหน้ากากทุเรียนได้เป็นแชมป์หน้ากากนักร้องของประเทศไทยปีแรกก็ตาม มันทำให้ Frank เกิดอาการอยากทุเรียนเข้าสู่กระแสเลือดตะหงิดๆ ไปครับ เราจัดไปทริปขัยรถชิมทุเรียนชื่อดังกันเลยดีกว่า
ด้วยความที่ทุเรียนปลูกได้เกือบทุกภาคของบ้านเรา จึงทำให้เราเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกในการส่งทุเรียนเป็นสินค้าออก และด้วยความแตกต่างของสภาพอากาศและดินทำให้เรามีพันธุ์ทุเรียนอร่อยๆ ให้น่าขับรถไปชิมกันอย่าง เช่น “หลงลับแลและหลินลับแล” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วยความหวานมันของเนื้อทุเรียนที่มีสีเหลืองสด เมล็ดเล็ก ผลค่อนข้างกลมและสภาพอากาศที่พิเศษของบริเวณนี้อีกทั้งการขนส่งจากภูเขาด้วยรถมอร์เตอร์ไซต์ครั้งละไม่กี่ลูกทำให้ราคาที่หน้าตลาดชมรมชาวสวนกิโลละ 400-500 บาทเท่านั้นเองครับ ย้ำอีกรอบว่าเป็นราคาต่อกิโลกรัมนะครับ
การเดินทางก็เตรียมรถให้พร้อมเดินทางไกลให้เรียบร้อยและก็ออกเดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือกันได้เลยครับ ระหว่างทางจะแวะเที่ยวหน้าฝนด้วยก็ดีนะครับเราสามารถเลือกเส้นทางสายเอเชียขับผ่านอยุธยาหรือจะแแวะขับรถไหว้พระก่อนก็ได้นะครับตรงไปนครสวรรค์ไปเจอพิษณุโลกแล้วต่อไปอุตรดิตถ์ได้เลยครับน่าจะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความเร็วที่เราขับ
เส้นทาง Frank แนะนำเพื่อขับรถเที่ยวอุตรดิตถ์ 2 แบบนะฮะ คือ
1.จากกรุงเทพวิ่งทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ตรงยาวผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลขแล้วใช้ทางหมายเลข 117 เข้าพิษณุโลกและหมายเลข 11 เข้าอุตรดิตถ์
2.เริ่มจากทางหลวงหมายเลข 1 เช่นเดียวกันยาวจนเข้าสายเอเชียจนไปถึง อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรีใช้ทางหลวงหมายเลข 311 แล้วเลี้ยวเข้าทางหลางหมายเลข 11 (สายอินทร์บุรี-ตากฟ้า) จนไปถึงทางหลวงหมายเลข 12 เส้นพิษณุโลก-หล่มสักจากนั้นเลี้นวซ้ายไปอีก 8 ก.ม. จึงค่อยเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 11 ก็วิ่งยาวจนถึงอุตรดิตถ์แค่นี้ก็ได้ขับรถชิมทุเรียนแล้วครับ
จากนั้นให้เราตรงไปที่แหล่งขายของฝากเมืองลับแลกันเลยครับ ขออนุญาตแชร์ข้อมูลสุดแจ่มจาก Pantip มาให้อ่านกันนะครับ มีกระทั่งวิธีการเลือกซื้อทุเรียนมาฝากด้วยครับสุดยอดมากๆ เลยครับ ต้องลองไปชิมเองซักครั้งแล้วจะรู้ว่าทำไมทุเรียนที่นี่ถึงแตกต่างจากที่อื่น ของแบบนี้แค่อ่านอย่างเดียวไม่ได้อัฐรสหรอกคร้าบ...บ อู้ว...ว
ทุเรียนชื่อดังที่อยู่ใกล้กรุงเทพแบบสุดๆ สะดวกแก่การขับรถไปชิมมากๆ ราคาลูกละห้าพันถึงหมื่นบาทเท่านั้นเองครับ (ที่นี่เค้าขายทุเรียนเป็นลูกไม่ใช่กิโลกรัมฮะ) มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมากซะด้วย เพราะเป็นทุเรียนที่มาจากแถบอินโดนีเซียเข้ามาถึงบ้านเราจากทางภาคใต้จากนั้นค่อยๆ เดินทางขึ้นมาจนถึงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแถวธบุรีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และด้วยสภาพดินเหนียวริมน้ำที่สารอาหารสมบูรณ์ จึงทำให้เกิดทุเรียนเมืองนนท์ ที่เนื้อแน่น เนียน นุ่ม และหวานอร่อยในที่สุด
แต่ด้วยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2538 และ 2554 จึงทำให้สวนทุเรียนต้องเสียต้นพันธุ์ที่ปลูกมาเป็นเวลาหลาย 10 ปีไปในที่สุดจากพันไร่เหลือไม่ถึงร้อยไร่ อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างมากในปัจจุบันที่สวนกลายเป็นหมู่บ้านไปซะเยอะ จึงทำให้ความหายากของทุเรียน “ก้านยาวทรงหวด” ของจังหวัดนนทบุรี เป็นที่กล่าวขวัญกันว่าราคาขายลูกละเป็นแสนบาทก็เคยมีมาแล้ว
การเดินทางขับรถชิมทุเรียนจ.นนทบุรี Frank แนะนำว่า
1.ให้เดินทางมาทางหลวงหมายเลขเส้น 304 แล้ววิ่งมาเส้นติวานนท์เพื่อมุ่งหน้าสะพายพระรราม 5 แล้วเตรียมแยกเลี้ยวเข้าจังหวัดนนทบุรีได้เลยครับ ตรงไปเรื่อยๆ เราจะไปสุดที่ท่าน้ำนนท์
2.อีกเส้นทางหนึ่งเราสามารถขับตรงมาเรื่อยๆ จากถนนวิภาวิดีรังสิตแล้วเลี้ยวเข้าถนนงามวงศ์วานตรงไปจนสุดทางจนเจอแยกแคราย ก็ขับตรงไปเพื่อไปสุดเส้นทางที่ท่าน้ำนนท์ได้เช่นเดียวกันครับ
ส่วนการขับรถชิมทุเรียนนนท์นั้น Frank อยากบอกว่า….ถ้าเป็นทุเรียนเมืองนนท์แท้ๆ ไม่มีขายตามตลาดหรือห้างทั่วไปนะครับ เพราะเกือบทั้งหมดจะถูกจองตั้งแต่หน้าสวนกันหมดแล้วครับ ราคาลูกละ 5,000-20,000 บาท (โอว..จะซื้อทองได้บาทนึงอยู่แล้วครับ) สมกับคำที่ว่า “คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ซื้อ” เพราะส่วนมากเขาซื้อเป็นของฝากกัน
อีกสายพันธุ์ที่ Frank อยากชวนให้ขับรถไปชิมทุเรียนให้ได้ คือ “สาลิกา” ที่เป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัด “พังงา” มากว่า 200 ปีแล้วล่ะครับ แต่เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ ทุเรียนพันธุ์สาลิกาหรือพันธุ์สากานี้เป็นพันธุ์พื้นเมืองปลูกกันมากที่ อ.กะปง จ.พังงา จุดเด่นคือ เป็นทุเรียนที่ผลมีกลมมากขนาด 20-30 ซ.ม. เนื้อเป็นสีเหลืองทอง รสชาติหวานมันกว่าพันธุ์อื่นๆ เนื้อไม่เละ เมล็ดลีบ และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์แต่ไม่ฉุน ราคาก็พอไหวประมาณกิโลกรัมละ 120 บาท
ถือว่าเป็นของดีของ จ.พังงา ที่หลายคนยังไม่ค่อยรู้นะครับ ถึงขนาดมีคำพุดว่า “ถ้ายังไม่ได้ชิมทุเรียนสาลิกา ยังมาไม่ถึงพังงา” กันเลยครับ ส่วนสถานที่เราควรต้องไปขับรถชิมทุเรียนนั้นก็ย่อมแน่นอนว่าเป็นที่ อ.กะปง จ.พังงา ที่เป็นแหล่งที่ปลูกและ จ.ภูเก็ต สำหรับการซื้อเป็นของฝากนะครับ ช่วงเวลาทองที่เราสามารถชิมรสทุเรียนสาลิกาแสนอร่อยได้นั้นจะอยู่ที่เดือน พ.ค. - ก.ค. ปลายๆ นะครับ
การเดินทางขับรถชิมทุเรียนจ.พังงา เลือกว่าจะผ่านสุราษฎร์หรือผ่านระนองก็ได้
1.เส้นทางแรกผ่านสุราษฎร์ธานีที่เราขับรถลงภาคใต้นั้น คือ ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษมนั่นเองครับ) เริ่มจากเส้นพระราม 2 แล้วขับยาวไปเรื่อยๆ ออกเพชรเกษม ผ่านจ.เพชรบุรีไปเรื่อยๆ ถ้าใครอยากจะแวะเที่ยวหัวหินก่อนก็แวะนอนที่ประจวบก่อนได้นะครับ แล้วขับต่อไปจนเข้าเขตจังหวัดชุมพร ตรงแยกปฐมพรแล้วเลือกทางหลวงหมายเลข 41 เพื่อตรงเข้าจ.สุราษฎร์ธานีจนถึง อ.พูนพิน แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 401 ซึ่งเป็นถนน 2 เลนส์และเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 415 เพื่อตรงไปจ.พังงา ใช้เวลาประมาณ 10-11 ชั่วโมง
2.เราจะผ่านจ.ระนองกันครับ เริ่มต้นเส้นทางเหมือนกันเลยครับวิ่งตามถนนเพชรเกษมจนมาถึงแยกปฐมพรก็ให้ขับตรงไปที่ทางหลวงหมายเลข 4 ตามเดิมเพื่อตรงเข้าจังหวัดระนองช่วงนี้เป็นทาง 2 เลนส์มีขับขึ้นลงเขาคดเคี้ยวด้วย สวยไปอีกแบบครับ ใครจะแวะเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนกลางทางก็ไม่เลยนะครับ แล้ววิ่งลัดเละชายฝั่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจ.พังงา ใช้เวลาประมาณ 10-12 ชั่วโมง
นอกจากทุเรียนทั้ง 3 พันธุ์ที่แนะนำแล้ว เรายังมีทุเรียนในอีกหลายจังหวัดที่น่าไปลองชิมด้วยนะครับ บ้านเพื่อนๆ อยู่จังหวัดไหนกันบ้างฮะ? แล้วแถวบ้านมีทุเรียนพันธุ์อะไรอร่อยเด็ดกันบ้าง แนะนำ Frank บ้างนะครับ
Frank Box