1.แคปในรถกระบะนั่งได้แต่ต้องมีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเพิ่ม 2 หรือ 3 จุดแล้วแต่ความเหมาะสม
2.ถ้าต้องนั่งท้ายกระบะให้นั่งได้ไม่เกิน 6 คนโดยที่ไม่ต้องไปจดทะเบียนประเภทรถยนต์ใหม่
3.ถ้ามีคนนั่งท้ายกระบะจำกัดความเร็วในการขับขี่ไม่เกินที่ 80 ก.ม./ช.ม. และห้ามนั่งขอบกระบะ ถ้าใช้งานบรรทุกของใช้ความเร็วได้ตามปกติ
สงกรานต์ 2560 เพื่อนๆ ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างครับ? frank ได้ขับรถออกต่างจังหวัด 3 จังหวัดฮะ แล้วก็เลยไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่กับทำบุญมาด้วยครับอิ่มบุญมากจริงๆ ระหว่างทางที่ขับรถไปเจอเพื่อนๆ หลายคนกำลังสนุกสนานกับการเล่นน้ำสงกรานต์บนหลังมอร์เตอร์ไซต์บิ๊กไบค์แต่ไม่มีใครสวมหมวกกันน็อกเลยซักคนเดียว หรือเวลาขับรถข้ามจังหวัดที่ความเร็วสูงก็เจอเพื่อนๆ รถเก๋งและกระบะเปลี่ยนเลนส์แบบกระชั้นชิดเรียกว่าเบรกกันหัวทิ่มหลายคันทีเดียวพอมาเจอข้อมูลเรื่องสรุปอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 2560 เลยอยากเอามาสรุปให้ฟังกันครับ
จากข่าวที่ฟังมาอย่างน้อยก็มีเรื่องที่น่ายินดีที่ปีนี้อัตราการเกิดอุบัติเหตุลดลงกว่าปีที่แล้ว แต่ความรุนแรงของอุบัติเหตุยังสูงอยู่โดนเฉพาะวันที่ 13 เม.ย. 2560 ที่เกิดอุบัติเหตุแล้วมีผู้เสียชีวิตถึง 88 ราย เลยครับ
เกิดอุบัติเหตุขึ้นทั้งหมด 3,388 ครั้ง(ข้อมูล ณ วันที่ 17 เม.ย. 2560 เวลา 15.11 น.) มีผู้เสียชีวิต 335 ราย บาดเจ็บ 3,506 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ นครราชสีมาจำนวน 17 ราย และจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมมากที่สุด คือ เชียงใหม่ 140 ครั้ง ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ 4 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม โดยเฉพาะจากการเมาแล้วขับรถ
ถ้าเราเทียบเป็น % แล้วจะพบว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 9.88% เมื่อเทียบกับการเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะวันที่ 13 เม.ย. 2560 ซึ่งเป็น “วันมหาสงกรานต์” ที่เรากำลังฉลองกันอย่างสนุกสนานโดยเฉพาะในช่วงเวลา 4 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มซึ่งเป็นช่วงเริ่มมีการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ “เมาแล้วขับ” ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำเกิดความสูญเสียขึ้น...น่าเสียใจนะครับ
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ 2560 คือ ขับรถเร็ว, เมาแล้วขับ และขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด ซึ่งการขับรถตัดหน้านี่ล่ะครับที่ fank เจอกับตัวหลายคันเลยครับเหยีบเบรคตัวโก่งเลย ไม่รู้ว่าจะรีบกันไปไหนกัน? สงสัยจะปวดท้องเข้าห้องน้ำรึเปล่า?
ส่วนชนิดของรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์และรถกระบะเป็นอันดับสองโดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดกับรถกระบะที่มีคนนั่งท้ายโดยไม่มีเครื่องป้องกันมักจะมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันทีซึ่งนี่อาจจะเป็นที่มาของมาตรา 44 และการโดยสารท้ายกระบะที่จะบังคับใช้กันอย่างจริงจังต่อไป
พฤติกรรมที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ 5 อันดับแรก คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย, เมาแล้วขับ, ขับรถเร็ว, ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด และขับรถไม่มีใบขับขี่ (ซึ่งเมาแล้วขับและขับรถโดยไม่มีใบขับขี่นั้นเคลมประกันไม่ได้นะครับ)
ส่วนการบังคับใช้มาตรา 44 เรื่องการนั่งท้ายกระบะนั้น ตอนนี้ได้มีข้อสรุปออกมาแล้วนะครับ ว่าไม่ต้องไปจดทะเบียนใหม่เพื่อการโดยสารและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องให้กรมการขนทางบกเรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดของการบังคับใช้นั้นเริ่มตั้งแต่หลังช่วงสงกรานต์เป็นต้นไปเพื่อให้ประชาชนมีเวลาในการเตรียมตัวจนถึงอีกครึ่งปี อ่านรายละเอียดด้านล่างเลยครับ
ส่วนการใช้งานเพื่อการบรรทุกสิ่งของสามารถทำตามข้อกำหนดเดิมและใช้ความเร็วได้ตามปกติและการจดทะเบียนรถกระบะเพื่อการใช้งานกับกรมการขนส่งทางบกก็ทำตามข้อกำหนดการใช้งานเดิมครับ
เพราะทุกการเดินทางเราย่อมอยากไปให้ถึงจุดหมายไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวหรือกลับไปหาคนที่บ้านก็ตาม การลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วยการทำประกันรถยนต์นั้นเป็นอีกเรื่องที่ frank อยากให้เพื่อนๆ ตระหนักให้มากนะครับ เพราะบางครั้งอุบัติเหตุก็เกิดจากเพื่อนรวมทางของเราแม้ว่าเราจะระวังมากแค่ไหนก็ตาม
สุขสันต์วันทำงานหลังสงกรานต์คร้าาบ….บ ว่าแต่...เดือนไหนเรามีวันหยุดยาวกันอีกนะ?