หลายคนมักจะอุ่นใจในการขับขี่รถบนท้องถนนมากขึ้นเมื่อมีประกันรถยนต์คุ้มครองอยู่ เพราะไม่ว่าเราจะขับขี่อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ทางประกันก็จะให้ความคุ้มครองแก่เราและคู่กรณี แต่ใช่ว่าทุกกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครองเสมอไป วันนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่า 5 สิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง จะมีอะไรกันบ้าง
อย่างที่ทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่า “เมาแล้วขับเท่ากับอันตราย” หลายบริษัทประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองกรณีนี้ หากเพื่อนๆ มีระดับแอลกอฮอลล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งยังผิดกฏหมายอีกด้วย
หากคนขับไม่มีใบขับขี่รถยนต์ หรือไม่เคยสอบใบขับขี่เลย ต่อให้มีประกันคุ้มครองอยู่แต่ทางบริษัทก็ไม่สามารถให้ความคุ้มครองแก่เราได้นะ และอีกกรณีที่เรามีใบขับขี่ แต่ดันลืมพกติดตัวไว้จะยังได้รับความคุ้มครองอยู่ เพียงแต่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกค่าปรับได้ ดังนั้น เราควรพกติดตัวไว้ตลอดจะดีกว่า
ถ้าเพื่อนๆ นำรถของตัวเองไปใช้ลากจูงช่วยรถคันอื่นนั้น ทางบริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองด้วย เพราะถือว่าเป็นการใช้งานรถแบบผิดประเภท หากเกิดอุบัติเหตุระหว่างนี้จะไม่ได้รับความคุ้มครองใดๆ เลย ยกเว้นอย่างเดียวคือ รถลากจูงที่ทางบริษัทออกแบบมาใช้งานเฉพาะเท่านั้น
สำหรับการนำรถยนต์ของเราไปใช้ในทางผิดกฎหมาย เช่น การนำรถไปเพื่อปล้นทรัพย์หรือขนส่งของที่ผิดกฏหมาย จนเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง หรือความเสียหายกับตัวรถ แบบนี้ทางบริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองใดๆ ทั้งสิ้น
กรณีที่เพื่อนๆ นำรถยนต์ที่ทำประกันไว้เรียบร้อยแล้วไปใช้งานที่อยู่นอกเหนือกรมธรรม์นั้น หากเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายขึ้นมาจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกัน สมมติว่า นาย ก. จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่กลับนำไปใช้งานในเชิงพาณิชย์ เป็นต้น
เมื่อเรารู้ทันข้อห้ามที่กล่าวมาแล้วก็ควรปฎิบัติตามข้อตกลงตามบริษัทประกันกันด้วยนะ ส่วนใครที่ยังไม่มีประกันรถยนต์แนะนำให้มีติดรถเผื่อไว้ก่อน เพราะถ้าหากเป็นฝ่ายผิดขึ้นมา เราจะได้มีประกันไว้คอยเจรจา ช่วยคุ้มครองความเสียหายให้กับเราและคู่กรณีด้วย
ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com