ช่วงนี้ก็เป็นที่ทราบกันดีนะครับ ว่าในหลายจังหวัดในเมืองไทยตอนนี้กำลังประสบกับปัญหาภัยพิบัติจากน้ำท่วมกันอย่างหนัก และในส่วนของรถยนต์ที่ต้องขับรถลุยน้ำท่วม หลายต่อหลายคันอาจจะประสบปัญหา ในช่วงระหว่างการขับรถลุยน้ำท่วมกับหลังจากลุยน้ำท่วมมาแล้วต้องจะต้องดูแลรถยนต์อย่างไร? เพนกวินแฟรงค์ได้รับบทความจาก Carro ขอนำเคล็ดลับดี ๆ มากฝากทุกท่านครับ
ควรปิดแอร์รถยนต์ ขับช้า ๆ คลื่นจะได้ไม่ไปปะทะกับรถ หรือมอเตอร์ไซค์ คันอื่น หรือผู้คนที่เดินสัญจรไปมา
กรณีขับรถฝ่าน้ำลึก ต้องระวังน้ำเข้ากรองอากาศ เพราะอาจเข้าไปทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ รวมไปถึงพัดลมไฟฟ้าของแอร์, หม้อน้ำ หรือพัดลมของเครื่องยนต์ ซึ่งน้ำอาจพัดไปโดนส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สายหัวเทียน คอยล์จุดระเบิด จานจ่าย หรือกล่อง ECU (ทางที่ดี ควรหาพลาสติกมาครอบ เพื่อป้องกันน้ำเข้าจานจ่าย หรือคอยล์ก็ดี) เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์สะดุด หรือเครื่องดับได้ อีกทั้งยังต้องระวังน้ำเข้าทางท่อไอเสียด้วยเช่นกัน
ระบบเบรกก็จัดเป็นสิ่งสำคัญระหว่างที่เราขับรถลุยน้ำขังรอการระบาย อาจทำให้ชุดผ้าเบรกเปียกน้ำ ทำให้ต้องใช้ระยะเบรกที่ยาวขึ้น ส่งผลให้รถยนต์เกิดการปัดท้าย หรือเสียสูญได้ถ้าใช้เบรกอย่างแรง หลังจากพ้นจุดน้ำท่วมแล้วให้ขับรถด้วยความเร็วต่ำ พร้อมกับเหยียบเบรกเบา ๆ ไปตลอดเวลา เพื่อให้ผ้าเบรกร้อน จนกระทั่งเบรกกลับสู่สภาพปกติ
ถ้าหาทางขึ้นที่สูงขึ้นลานจอดรถ หรือสะพานได้ขึ้นเลยครับ เพราะขับรถลุยน้ำท่วม นอกจากจะทำให้เครื่องยนต์เกิดปัญหาแล้ว น้ำเข้าไปในรถอีกระวังงานจะงอก
เมื่อน้ำท่วมรถไปแล้วทำไงได้บ้าง ทางที่ดีควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการ เช็กระบบเครื่องยนต์ แอร์ เบรก เกียร์ เฟืองท้าย คลัทช์ แบตเตอรี่ พื้นพรมภายในห้องโดยสาร และระบบไฟฟ้าต่าง ๆ เพราะอาจจะมีความชื้น น้ำ หรือเศษขยะเข้าไปปนเปื้อนในระบบได้
หากมีน้ำปนเปื้อนเข้าไปในถังน้ำมัน ให้ทำการถ่ายน้ำมันออกจากถังทั้งหมด พร้อมเปิดฝาถังน้ำมันทิ้งไว้ เพื่อไล่ความชื้นออก แล้วค่อยเติมน้ำมันใหม่เข้าไป พร้อมเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง (หรือปั้มติ๊ก) ในกรณีที่มีน้ำเข้าไปเต็มกรองดักน้ำ ให้ทำการไล่น้ำออกให้หมด และหากสงสัยว่าน้ำเข้าไปในปั๊มติ๊ก ให้ทำการถอดปั๊มติ๊ก และหัวฉีดออกทำความสะอาด และปรับตั้งระบบหัวฉีดใหม่
กรณีมีน้ำเข้าไปปนเปื้อนกับน้ำมันเครื่องให้สังเกตดูจากสีของน้ำมันเครื่องจะคล้ายสีของนม ให้ถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งให้หมด หรือเติมน้ำยาทำความสะอาด (Flushing Oil) ลงไป แล้วติดเครื่องยนต์เดินเบาทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จึงถ่ายน้ำยาออก พร้อมเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่ กรองอากาศใหม่ จากนั้นเติมน้ำมันเครื่องลงไป
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลชนิดปั๊มเชื้อเพลิงแบบแถวเรียง ให้ถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้ง และเติมน้ำมันเครื่องใหม่เข้าไปแทน เช่นเดียวกันกับน้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรก น้ำมันคลัทช์ น้ำยาหม้อน้ำ จัดการเปลี่ยนถ่ายใหม่ทั้งหมด
ทางที่ดีหลังจากลุยน้ำท่วมมาแล้ว อย่าเพิ่งวางใจ ลองไปให้ศูนย์บริการตรวจเช็กอาการของรถเพิ่มเติมน่าจะดีกว่า เพราะรถยุคใหม่ มีระบบอิเล็dทรอนิกส์ใช้อยู่เป็นจำนวนมาก (ซึ่งระบบเหล่านี้ ล้วนไม่ถูกกับน้ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) บางทีการแก้ปัญหาเองได้อย่างไม่ถูกจุด อาจส่งผลต่อรถของคุณได้อย่างคาดไม่ถึงเลยนะครับ
และถ้าคุณสงสัยว่าขับรถไปเจอ “น้ำท่วม” เคลมประกันรถยนต์ได้ไหม? หากมีประกันภัยแนะนำให้แจ้งเคลมกับเจ้าหน้าที่บริษัทฯ ประกันภัยทันทีครับโดยประกันภัยชั้น 1 และชั้น 2+ จะช่วยดูแลเคสนี้เอง เริ่มจากถ่ายรูปบันทึกภาพน้ำท่วมรถ หรือคราบน้ำท่วมรถยนต์ โทรแจ้งเคลมปกติ แจ้งเหตุน้ำท่วม เพียงเท่านี้ก็หายห่วงแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก Carro Express
Rewrite by Butter Cutter