หากพูดถึงเมืองน่าเที่ยวมาแรงแห่งปี 2019 “เที่ยวไต้หวัน” ต้องติดอันดับ Top 3 สถานที่น่าเที่ยวของเหล่านักเดินทางชาวไทยอย่างแน่นอน เพราะเกาะเล็กๆ แห่งนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่ “ชาไข่มุก” ที่กำลังฮิตติดลมบนกันทั่วบ้านทั่วเมืองเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจรอให้เราไปสัมผัสอีกมากมาย แต่จะมีอะไรบ้างนั้น Frank.co.th จะค่อย ๆ ไล่เรียงให้ฟังนะครับ
หลายคนน่าจะเคยได้ยินมาแล้วที่เขาชอบพูดกันว่า “เที่ยวไต้หวัน คือ ญี่ปุ่นที่ถูกกว่า” ถูกต้องนะคร้าบบบ คำนี้มันใช่จริงๆ ใครเคยไปญี่ปุ่นแล้วรู้สึกว่าคนญี่ปุ่นน่ารักจัง คนญี่ปุ่นใจดีจัง บ้านเมืองเป็นระเบียบจัง คนไต้หวันก็เป็นแบบนั้นเลยล่ะครับ คนไต้หวันจะสุภาพมาก อ่อนน้อมสุดๆ ไม่มีการเสียงดังโฉงเฉง พวกเขาจะยิ้มแย้มและยินดีให้ความช่วยเหลือแบบจริงใจ ให้อารมณ์เหมือนคุณลุง คุณป้า ทำให้นักท่องเที่ยวแบบเราอุ่นใจเหมือนอยู่บ้านตัวเอง แม้บางครั้งภาษาอังกฤษอาจจะใช้สื่อสารไม่ได้บ้าง แต่บอกเลยว่าภาษากายและภาษาใจของคนไต้หวันจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เหมือนกัน (บางคนจูงมือพาไปส่งที่หมายเลยก็มี) เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องหลงทางหรือสื่อสารกันไม่ได้ แล้วอีกอย่างที่สายถ่ายรูปอย่างผมชอบมากๆ คือบ้านเมืองเขาน่ารักดีจัง มีความคิ้วท์แบบแฝงไปด้วยศิลปะจีนผสมกลิ่นอายญี่ปุ่นอยู่ในที มีความเป็นเมืองเก่าและเมืองใหม่ผสมกัน ใช้คู่สีที่ดูดี งานนี้เลยถ่ายรูปสนุก ถ่ายได้แทบทุกมุม แนะนำให้ทุกคนเตรียมเสื้อผ้าไปเยอะๆ เคลียร์เมมโมรี่กล้องให้โล่งแล้วไปกดชัตเตอร์กันรัวๆ รับรองได้รูปกลับมาลงย้อนหลังกันหลายเดือนเลยล่ะครับ
ไต้หวัน แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ เทียบขนาดแล้วมีพื้นที่แค่ประมาณ 6 จังหวัดของประเทศไทย แต่ทรัพยากรทางธรรมชาติของที่นี่ถือว่าอุดมสมบูรณ์มาก มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ทั้งภูเขา ทะเลสาบ แม่น้ำ และทะเลคือมีครบแถมยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มากจึงกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์นักเที่ยวสายธรรมชาติ เพราะไปแค่ที่เดียวแต่เที่ยวได้ครบใน 1 ทริป มามะจะจำแนกให้ฟังว่าที่ไหนน่าไปบ้าง
เอาใจคนรักภูเขากันก่อน ที่ไต้หวันถือเป็นอีกหมุดหมายของผู้ชื่นชอบการพิชิตความสูง เพราะมีหลายยอดเขาที่มีชื่อเสียงมาก เป็นที่ปรารถนาของนักปีนเขาโหดๆ จากทั่วโลก โดยยอดเขาที่สูงที่สุดในไต้หวันอยู่ที่ Yushan หรือภูเขาหยก (Jade Mountain) ที่ยอดสูงสุดอยู่ที่ 3,952 เมตรจากระดับน้ำทะเล สูงมากและสวยมากคนจึงนิยมมาพิชิตความสูง ณ ยอดเขาแห่งนี้
อีกเขาที่ต้องกล่าวถึงคือ Xiangshan หรือ เขาช้าง (Xiangshan Elephant Mountain) เขายอดฮิตที่นักท่องเที่ยวฉบับไม่โหดมากนิยมไปกัน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแห่ง 4 อสูร ที่ประกอบด้วย
อีกที่ที่อยากแนะนำให้ทุกคนไปคือ อุทยานเย่หลิ่ว (Yehliu Geopark) ใครมีเวลาแนะนำให้ไปจริงๆ ที่นี่เป็นอุทยานหินที่เกิดจากการที่น้ำทะเลค่อยๆ กัดเซาะหินปีแล้ว ปีเล่า จนเกิดหินเป็นรูปร่างต่าง ๆ โดยหินที่เป็นไฮไลท์และทุกคนต้องมาถ่ายรูปให้ได้คือ หินรูปมงกุฏราชินี (ถ้ากลัวหาไม่เจอให้สังเกตจากตรงไหนมีคนต่อแถวถ่ายรูปตรงนั้นนั่นแหละครับไฮไลท์) แล้วนอกจากหินที่สวยงามแปลกตา น้ำทะเลที่นี่ก็ดีมาก สีฟ้าสวยใสปิ๊งแบบที่แค่ใช้ตามอง ไม่ต้องลงไปเล่นก็รู้ว่าดี
และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ไปเรียกว่ามาไม่ถึงไต้หวัน เหมือนเที่ยวเมืองไทยแล้วไม่ไปวัดพระแก้ว คือ ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake) ทะเลสาบที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ฮิตสุดๆ เพราะเขามีการบริหารจัดการที่ดี บวกกับความสวยที่ได้จากความสลับซับซ้อนของเกาะเล็ก เกาะน้อย และผืนน้ำที่ส่องกระทบระยิบระยับกับแสงอาทิตย์ จึงเหมาะแก่การเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจสุดๆ จะนั่งกระเช้าไฟฟ้าชมวิวมุมสูงก็ได้ จะเช่าจักรยานปั่นชมรอบๆ ทะเลสาบก็ดี หรือจะเดินกุมมือแฟนเสพบรรยากาศโรแมนติกก็ใช่สุดๆ สรุปแล้วคือควรไปนะครับ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำหรับคนรักสายน้ำจืดและสายลมเอื่อย แม่น้ำตั้นสุ่ย (Tamsui River) คือสิ่งที่คุณคู่ควร ตัวแม่น้ำอาจจะไม่ว้าวเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ต้องว้าวแน่นอนคือ The Lover Bridge หรือสะพานแห่งความรัก ซึ่งถูกสร้างขึ้นเป็นแลนด์มาร์คสุดยิ่งใหญ่ (บ้านเมืองนี้เขาชอบเล่นใหญ่ ทุกอย่างใหญ่หมด) ที่ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ให้บรรดาคู่รักและนักท่องเที่ยวได้ไปถ่ายรูปกัน ขอแอบกระซิบว่าสวยมากและบรรยากาศดีมากจนนึกว่าไม่ได้อยู่ในไต้หวันเลยทีเดียว
อย่างที่บอกไปเมื่อตอนต้นเลยครับว่า ไต้หวันเป็นเมืองที่มีการผสมกันระหว่างความเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว คนที่หลงใหลไปกับเรื่องเก่า ๆ อย่างประวัติศาสตร์และความสวยสดงดงามของศิลปะจีน ต้องไม่พลาด “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกู้กง” พิพิธภัณฑ์ใหญ่ที่สุด 1 ใน 5 ของโลก ที่แห่งนี้เป็นสถานที่เก็บราชสมบัติจีนแท้ๆ กว่า 700,000 ชิ้น ซึ่งจะถูกนำออกมาโชว์ครั้งละ 5,000 ชิ้นในทุก 3 เดือน ใครชอบความยิ่งใหญ่ของศิลปะจีนโบราณต้องมีความสุขกับที่นี่แน่นอน บางคนถึงกับบอกว่า “มาไต้หวันแค่มากู้กงก็คุ้มแล้ว”
อีกที่ที่ควรไป ควรจดลงเป็น check point เลย คือ อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก (Chiang Kai Shek memorial hall) ซึ่งเก็บรวบรวมเรื่องราวและรูปปั้นของท่านเจียง ไค เช็ก ผู้โด่งดัง ที่นอกจากจะบอกเล่าความเป็นมาในอดีตได้เป็นอย่างดีแล้ว ความยิ่งใหญ่อลังการของสถานที่ยังทำให้เราต้องอ้าปากค้าง (คือใหญ่มากจริงๆ ใหญ่จนเดินเมื่อยกันไปเลย)
เอาใจ “สายมู” กันบ้าง ใครเป็น “สายมู” เชิญทางนี้เลยคร้าบบบ เราขอแนะนำวัดศักดิ์สิทธิ์ ที่ใครมาไต้หวันจะต้องมากราบไหว้ขอพรเพื่อรับสิริมงคลกลับไป วัดแรกที่อยากให้รู้จัก คือ วัดหลงซาน (Longshan Temple) หรือวัดเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในไต้หวัน เพราะฉะนั้นการันตีได้เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนไต้หวันและนักท่องเที่ยว
มาต่อกันที่ วัดพระถังซำจั๋ง (Xuanguang Temple) ใครแวะไปเที่ยว Sun Moon Lake ไม่ควรพลาดสักการะวัดที่ชื่อคุ้นๆ แห่งนี้ ใช่ครับ พระถังซำจั๋งที่เรารู้จักกันดีจากภาพยนตร์ไซอิ๋วนั่นแหละ ท่านมีตัวตนจริงๆ นะครับ ซึ่งที่นี่ก็คือ ที่ประดิษฐานส่วนหนึ่งของพระอัฐิพระถังซำจั๋งนั่นเอง และวัดสุดท้ายคือ วัดเหวียนอู๋ (Wenwu Temple) ที่ประดิษฐานของ “ขงจื๊อ” เทพแห่งปัญญา และ เทพกวนอู ซึ่งคนไต้หวันจะนิยมมาไหว้ขอพร พร้อมกับการแขวนกระดิ่งสีทองเพื่อขอให้คำอธิษฐานเป็นจริงกัน
ส่วนสายเทคโนโลยีและสายช้อป ไต้หวันก็มีแลนด์มาร์คให้พวกคุณได้เที่ยวเช่นกัน ไม่ได้มีแต่วัดมีแต่ภูเขานะครับ ใจเย็นๆก่อน อันดับแรกที่คิดว่าต้องไม่พลาดกันอยู่แล้ว คือ ตึกไทเป 101 ตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน สูงตระหง่านเป็นเด่นเป็นศรี ซึ่งภายในเป็นห้างสรรพสินค้าคล้ายสยามพารากอนบ้านเรา ใครเป็นสายช้อปปิ้ง สายแบรนด์เนมเชิญที่นี่ นอกจากนี้ยังมีห้าง Shinkong Mitsukoshi Xinyi New Life Square อีกห้างใหญ่ที่ตึกเยอะจนชวนหลง โดยที่นี่จะที่เน้นขายของจากประเทศญี่ปุ่นและเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่ ใครไปญี่ปุ่นแล้วยังช้อปไม่หนำใจก็มาที่นี่ได้ และอีกห้างที่คนไทยรู้จักกันดีคือ ห้าง Sogo ตึก Fuxin ตึกนี้ขายของตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ตั้งแต่ของโนเนมไปจนถึงแบรนด์เนม เรียกได้ว่ามีที่นี่ที่เดียวจบเลยครับ!
ถ้าถามว่าไปเที่ยวไต้หวัน ไปทำอะไร ผมจะตอบทุกคนทันทีแบบไม่อายเลยว่า “ไปกินครับ ไปกินอย่างเดียวเลย” เวลาไปเที่ยวที่อื่นอาจจะตอบว่าไปถ่ายรูปกับหอไอเฟล ไปแช่ออนเซน ไปดูพิพิธภัณฑ์ แต่สำหรับไต้หวัน การไปกิน คือ Destination ของผมจริงๆ ครับ เพราะของกินที่ไต้หวันคือดีสุดๆ ดีจริงๆนะ
สำหรับผม ใครเป็นสาย Street Food ไต้หวัน คือสวรรค์ของคุณ เพราะไม่ใช่แค่อร่อยนะครับ แต่ยังถูกแบบที่สามารถเดินกินได้ทุกร้านแบบไม่ล้มละลาย (แต่ก็ทำให้เงินหมดเร็วแบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียวเชียว) ยิ่งถ้ามาเที่ยวกันหลายๆ คนยิ่งสนุก เพราะจะได้กินได้หลายๆ ร้าน แบ่งกันกินคนละคำ 2 คำ ช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่ายผมว่าเที่ยวแบบนี้สบายตัวดีครับ และที่ผมว่าอาหารไต้หวันค่อนข้างอร่อยน่าจะมาจากวัฒนธรรมอาหารไทย-จีน-ไต้หวันที่ใกล้ๆ กัน ด้วยแหละครับจึงทำให้อาหารที่นั่นค่อนข้างถูกปากคนไทย หรือ ให้ความรู้สึกที่ไม่เสี่ยงมากที่จะทดลองกิน การไปต่อคิวกินร้านดังในห้าง การต่อแถวทานอาหารแนะนำจากคนท้องถิ่น และการเดินดมกลิ่นของกินในตลาดนัดกลางคืนของไต้หวันจึงเป็นเรื่องสนุกและน่าระทึกใจมากครับสำหรับสายกินอย่างผม โดยร้านที่ผมชอบไปกินก็จะมีประมาณนี้ครับ
ทั้งหมดคือ อร่อยและไม่แพง หลับตากินได้เลย ! ยกเว้นเต้าหู้เหม็น ที่อร่อยแต่เหม็นสมชื่อจริง ๆ เหมาะสำหรับคนใจแข็งเท่านั้น (แต่ไปถึงแล้วก็ควรลองนะครับ) โดยของกินเหล่านี้จะมีขายทั่วไปและมีมากที่ ตลาดนัดกลางคืนเล่อหัว (Lehua Night Market) และ ซีเหมินติง (Ximending) ครับผม
การเดินทางไปไต้หวันทุกวันนี้ง่ายมากและสะดวกขึ้นเพราะไม่ต้องขอวีซ่า และใช้เวลาบินน้อยเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น เรียกได้ว่ายังไม่ทันหลับก็ถึงไต้หวันแล้ว แถมเดี๋ยวนี้สายการบินต่าง ๆ ก็ขยันออกโปรโมชั่นลดราคาตั๋วเครื่องบิน ทำให้ไต้หวันที่ดูห่างไกลจากเมืองไทยในอดีตกลับมาใกล้แค่ปลายจมูก
โดยราคาตั๋วเครื่องบินอาจสวิงตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท แล้วแต่สายการบินและช่วงเวลา แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่สูงมากสำหรับการลงทุนเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศเลยครับ สามารถไปเที่ยวระยะสั้น 3 วัน 2 คืนก็ได้ ไม่เสียหายสำหรับมนุษย์เงินเดือนผู้ขาดแคลนวันลาอย่างพวกเรา
ส่วนการเดินทางในประเทศก็สะดวกสบายขนส่งสาธารณะมาให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของเส้นทางการเดินทางเลยล่ะครับและเพื่อความไม่ประมาทอย่าลืมซื้อประกันการเดินทางไปด้วยนะครับ สิ่งนี้มันทำให้เราเที่ยวได้แบบอุ่นใจมากขึ้น เพราะจะคุ้มครองทั้งการรักษาพยาบาลหากเราเจ็บป่วยเวลาอยู่ต่างประเทศ แถมยังคุ้มครองไปถึงการยกเลิกเที่ยวบิน ความล่าช้าของการเดินทาง หรือในกรณีเอกสารสูญหายด้วย จะได้เที่ยวอย่างอุ่นใจยังไงล่ะครับ
อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้คนไทยแห่กันไปเที่ยวไต้หวัน เป็นเพราะค่าครองชีพที่ไม่แตกต่างจากไทยมากนัก ราคาอาหารต่อชามต่อมื้อก็ราคาพอกันกับราคาอาหารเมืองไทย ราคาที่พักก็ไม่สูงมีให้เลือกหลายระดับตั้งแต่โรงแรมหรูคืนละหลายพันบาทไปจนถึงโฮสเทลสุดฮิตคืนละไม่กี่ร้อย แถมค่าเงินก็เกือบจะเท่ากันกับเงินบาท ทำให้ไม่ต้องคำนวณให้ยุ่งยากเวลาจะจับจ่ายซื้อของ โดย 1 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ เท่ากับ 1.08 บาท (ข้อมูลเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 นะครับ หากไปช่วงอื่นรบกวนตรวจสอบอีกทีนะครับ)
ได้รู้ข้อมูลดี ๆ แบบนี้ก็เริ่มอยากไปรู้จักกับไต้หวันกันมากขึ้นแล้วใช่มั้ยล่ะครับ ถ้างั้นก็อย่ารีรอ อุตส่าห์ทำงานหนักมาทั้งปี ให้รางวัลชีวิตด้วยการจองตั๋วไปเที่ยวฉลองสิ้นปีกันซะแต่ตอนนี้เลย จะได้ไปสร้างความทรงจำใหม่ๆ เสริมประสบการณ์ดีๆ ให้กับชีวิตเพิ่ม และเพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจหายห่วง เที่ยวต่างประเทศคราวไหนอย่าลืม ซื้อประกันการเดินทาง เพื่อดูแลความปลอดภัยทุกทริปจาก Frank.co.th โดยสามารถอ่านข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมได้ที่ เคล็ดลับประกันการเดินทาง ได้นะคร้าบบ